กองกำลังสหรัฐฯ และเกาหลีใต้เปิดปฏิบัติการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อวานนี้ (25 พ.ค.) โดยจำลองสถานการณ์ในกรณีที่ถูกเกาหลีเหนือบุกโจมตีแบบเต็มรูปแบบ ถือเป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่มุ่งสำแดงศักยภาพทางทหารแบบครอบคลุมเพื่อรับมือภัยคุกคามจากเปียงยาง
ปืนใหญ่ฮาวอิตเซอร์ถูกระดมยิงเข้าสู่ภูเขาใกล้กับชายแดนเกาหลีเหนือ ขณะที่กองรถถังประจัญบานเคลื่อนตัวและสาดกระสุนเข้าใส่เป้าหมาย ทำให้เกิดกลุ่มควันและคลื่นกระแทกแผ่กระจายไปทั่วบริเวณหุบเขา
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุว่า การซ้อมรบครั้งนี้มีทหารจากทั้ง 2 ฝ่ายเข้าร่วมประมาณ 2,500 นาย และจะมีการฝึกลักษณะนี้อีก 4 ครั้งไปจนถึงช่วงกลางเดือน มิ.ย.
“การซ้อมรบครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงศักยภาพและความพร้อมทางการทหารในการที่จะตอบโต้ภัยคุกคามจากขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ รวมไปถึงการโจมตีอย่างเต็มรูปแบบ” กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุในถ้อยแถลง พร้อมยืนยันว่าโซล “จะธำรงไว้ซึ่งสันติภาพด้วยกำลังที่แข็งแกร่ง”
สัปดาห์ที่แล้ว สื่อเกาหลีเหนือรายงานว่า ผู้นำ คิม จองอึน ได้อนุมัติการเตรียมการขั้นสุดท้ายเพื่อส่ง “ดาวเทียมสอดแนมทางทหาร” ดวงแรกขึ้นสู่วงโคจร ซึ่ง คิม อ้างว่าจำเป็นสำหรับการต่อต้านภัยคุกคามจากสหรัฐฯ และเกาหลีใต้
นักวิเคราะห์หลายคนชี้ว่า ดาวเทียมดวงนี้จะช่วยยกระดับศักยภาพด้านการสอดแนมให้เกาหลีเหนือเป็นอย่างมาก และอาจช่วยให้โจมตีเป้าหมายได้แม่นยำขึ้นในกรณีที่เกิดสงคราม
กลุ่มนักวิจัย 38 North ซึ่งจับตาความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือระบุว่า ภาพถ่ายจากดาวเทียมเชิงพาณิชย์เมื่อเร็วๆ นี้เผยให้เห็นว่าเกาหลีเหนือกำลังก่อสร้างแท่นยิงดาวเทียมแห่งใหม่ “อย่างรีบเร่ง” ซึ่งคงจะเตรียมไว้เพื่อการส่งดาวเทียมสอดแนมทางทหารนั่นเอง
กองกำลังสหรัฐฯ และเกาหลีใต้มีการฝึกซ้อมร่วมกันหลายหนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รวมถึงการซ้อมรบทางอากาศและทางทะเลที่นำเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B เข้าร่วมด้วย
รัฐบาลโสมแดงออกมาตอบโต้ความเคลื่อนไหวเหล่านี้อย่างเผ็ดร้อน โดยชี้ว่าสหรัฐฯ และเกาหลีใต้กำลังเตรียมพร้อมเพื่อที่จะ “รุกราน” เกาหลีเหนือ
ที่มา : รอยเตอร์