(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
The end of Bakhmut
By STEPHEN BRYEN
17/05/2023
กองกำลังยูเครนกำลังดำเนินการเพื่อล่าถอยออกจากเมืองบัคมุต อาจจะภายในสุดสัปดาห์นี้ ก่อนที่เส้นทางถอยทั้งหลายจะถูกปิดตาย
ยูเครนกำลังใกล้ที่จะล่าถอยออกจากเมืองบัคมุต เรื่องนี้อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ในเวลานี้ แต่มันจะต้องเกิดขึ้นให้รวดเร็วเพียงพอก่อนที่พวกเส้นทางถอยทั้งหลายจะถูกปิดตาย การทำนายคาดการณ์เรื่องตารางเวลานั้นมีแตกต่างกันเป็นหลายกระแส แต่ฝ่ายยูเครนน่าที่จะอพยพออกจากบัคมุตไม่ล่าช้าไปกว่าสุดสัปดาห์นี้ หากว่าถึงตอนนั้นพวกเขายังสามารถกระทำได้
ยังคงมีถนนสองสามสายสำหรับการหลบหนีออกจากเมืองนี้ซึ่งยังใช้ได้อยู่ เส้นทางเหล่านี้ยังพอจะมีความปลอดภัย ส่วนหนึ่งเนื่องจากการที่กองทัพยูเครนเข้าโจมตีที่บริเวณด้านปีกของเมือง แต่ถนนหนทางและท้องทุ่งเหล่านี้ไม่ใช่จะเปิดกว้างให้เข้าไปใช้ได้อย่างไม่จบไม่สิ้น โดยเฉพาะหากกองกำลังวากเนอร์เกิดทุ่มเทบุกทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ในคืนวันจันทร์ (15 พ.ค.) กองกำลังวากเนอร์รวมพลกันบุกถล่ม และสามารถยึดบริเวณที่เป็นที่มั่นแข็งแรงที่สุดและสามารถป้องกันได้ง่ายที่สุด 2 แห่ง ภายในพื้นที่ซึ่งถือเป็นเขตป้อมปราการ (the Citade)l ของเมืองบัคมุต จากนั้นก็กำลังผลักดันให้ฝ่ายยูเครนต้องถอยเข้าไปยังส่วนสุดท้ายของเขตป้อมปราการ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมีสภาพเป็นอาคารเตี้ยๆ ที่มั่นเช่นนี้ทำให้มีความยากลำบากในการพิทักษ์รักษา
นอกจากนั้น ยังกำลังมีการสู้รบตรงรอบๆ พื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง โดยที่ฝ่ายยูเครนพยายามยืนหยัดรักษาที่มั่น ณ โรงพยาบาลเด็กเอาไว้ (มีการโยกย้ายคนไข้ออกจากโรงพยาบาลไปนานแล้ว) วัตถุประสงค์ของกองกำลังฝ่ายยูเครนที่ยึดพื้นที่ตรงนี้เอาไว้ก็เพื่อเป็นการรักษาถนนสายที่ออกไปจากเมืองในทิศทางดังกล่าว รวมทั้งเพื่อเบี่ยงเบนกองกำลังวากเนอร์ไม่ให้สามารถยึดครองพื้นที่เขตป้อมปราการไปทั้งหมดอย่างง่ายดายเกินไป
ฝ่ายยูเครนสามารถที่จะเจรจากับฝ่ายรัสเซียเพื่อขอถอนตัวออกไปจากบัคมุตอย่างปลอดภัย ทว่านี่เป็นสิ่งที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ไม่น่าจะยินยอมให้เกิดขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้น จากรายงานข่าวซึ่งอ้างกันว่าถูกปล่อยให้รั่วไหลออกมาในเรื่องที่ เยฟเกนี ปรีโกจิน (Yevgeny Prigozhin) หัวหน้าใหญ่ของกองกำลังวากเนอร์ มีการติดต่อสื่อสารกับหน่วยข่าวกรองยูเครน –ถึงแม้เขาได้ปฏิเสธข่าวเรื่องนี้ไปอย่างเป็นเดือดเป็นแค้นไปแล้ว— จึงทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับกลุ่มวากเนอร์ที่จะทำดีลใดๆ กับพวกข้าศึกชาวยูเครนของพวกเขาในตอนนี้
สงครามเพื่อรักษาเมืองบัคมุต เวลานี้กลายเป็นสงครามของ เซเลนสกี ไปแล้ว เนื่องจากเขาเรียกร้องให้กองทัพของเขายืนหยัดอยู่ที่เมืองนี้และสู้รบต่อไป แม้กระทั่งหลังจากที่พวกผู้บังคับบัญชาทหารของเขารายงานให้ทราบว่า มันจะต้องสูญเสียอะไรเยอะมากๆ และไม่ใช่เรื่องคุ้มค่าที่จะแบกรับความสูญเสียที่ไม่จำเป็นเช่นนี้ สงครามคราวนี้รบกันดุเดือดมาได้ 8-9 เดือนแล้ว จนกระทั่งสร้างความเสียหายอย่างมโหฬารให้แก่ทั้งสองฝ่าย ถึงแม้เมื่อเร็วๆ นี้ พวกผู้บังคับบัญชาทหารระดับท็อปของเขาพากันออกคำแถลงระบุว่า การสู้รบที่นี่เป็นเรื่องคุ้มค่า ทั้งนี้ เซเลนสกี น่าที่จะเป็นคนเรียกร้องให้เขียนคำแถลงแสดงความสนับสนุนเหล่านี้ออกมา
คำถามใหญ่มีอยู่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปจากนี้? ฝ่ายรัสเซียสามารถให้กองกำลังของพวกเขาเคลื่อนทัพมุ่งหน้าไปยังเมืองชาซิฟ ยาร์ (Chasiv Ya เมืองนี้ตั้งอยู่ห่างออกไปจากทางตะวันตกของบัคมุตราวๆ 10 กิโลเมตร ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Chasiv_Yar -ผู้แปล) และผลักดันกองทัพยูเครนให้ล่าถอยต่อไปทางแม่น้ำดนิเปอร์ (Dnieper) ทั้งนี้สำหรับยูเครนแล้ว แม่น้ำดนีเปอร์มีความสำคัญในทางยุทธศาสตร์อย่างที่สุด โดยถ้าหากฝ่ายรัสเซียสามารถไปถึงฝั่งแม่น้ำใหญ่สายนี้ได้เมื่อใด ก็เป็นอันว่ายูเครนมีหวังจะถูกตัดแบ่งออกไปครึ่งหนึ่ง
ฝ่ายยูเครนจำเป็นต้องระมัดระวังในการเดินหน้าการรุกครั้งใหญ่โตที่พวกเขาวางแผนกันเอาไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ลงมือดำเนินการ เพราะว่าถ้าพวกเขาปล่อยประตูหลังบ้านของพวกเขาให้เปิดโล่งเอาไว้ ฝ่ายรัสเซียก็มีกำลังมากเพียงพอที่จะทั้งรับมือกับการรุก และที่จะเคลื่อนทัพมุ่งสู่ชาซิฟ ยาร์ และดินแดนถัดไปจากนั้น มีอันตรายทีเดียวที่กองทัพยูเครนอาจถูกปิดล้อมตกอยู่ในกับดักจากทางเหนือและทางใต้ และไม่สามารถที่จะฝ่าฟันทะลุทะลวง ซึ่งอาจใช้เป็นเหตุผลความชอบธรรมสำหรับความพยายามในการรุกใหญ่อันมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่แคว้นเคียร์ซอน (Kherson region) หรือแคว้นซาโปริซเซีย (Zaporizhzhia region) หรือแม้กระทั่งไครเมีย (Crimea)
การตอบสนองของสหรัฐฯ และนาโต้นั้นอยู่ในรูปของการจัดส่งพวกอาวุธสมัยใหม่เป็นตันๆ ไปให้แก่ยูเครน ซึ่งบางส่วนก็กำลังถูกฝ่ายรัสเซียทำลายเสียหายตั้งแต่ก่อนที่มันจะสามารถเคลื่อนเข้าไปใกล้ๆ สมรภูมิเสียด้วยซ้ำ ทว่าสิ่งที่เป็นจุดอ่อนถึงขั้นชี้เป็นชี้ตายสำหรับยูเครนแล้ว ยังคงเป็นเรื่องกำลังคน มันกลายเป็นเรื่องยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับยูเครนที่จะระดมเกณฑ์ทหาร หรือใช้กำลังบังคับให้พวกคนหนุ่มๆ เข้าสู่กองทัพ ความยากลำบากนี้มีแต่จะเพิ่มทวีขึ้นอีก เมื่อผลกระทบแบบเต็มๆ ของความพ่ายแพ้ที่บัคมุตได้เป็นที่ทราบกันของสาธารณชนชาวยูเครน
เรื่องคณะผู้นำของกองทัพยูเครนก็อยู่ในสภาพที่ชวนให้ข้องใจสงสัยอยู่เหมือนกัน ผู้นำสูงสุดของกองทัพ ซึ่งก็คือ พล.อ.วาเลรี ซาลุซนี (General Valery Zaluzhny) ดูเหมือนว่าหายตัวไป และ พล.อ.อเลคซานดร์ ซีร์สคีย์ (General Aleksandr Syrskyi) ผู้บัญชาการกองทหารภาคพื้นดินของยูเครน ก็เหมือนกัน มันยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ทว่าข่าวลือนั้นแพร่สะพัดเต็มไปหมด
ข่าวลือที่สะพัดมากข่าวหนึ่งก็คือ เซเลนสกีออกเดินทางไปทัวร์ประเทศต่างๆ ในยุโรปของเขา ในเวลาเดียวกับที่พวกฝ่ายค้านเขาในกองทัพก็ถูกกำจัดกวาดล้าง ส่วนอีกข่าวลือหนึ่งระบุว่า นายพลใหญ่ 2 คนนี้เกี่ยวข้องพัวพันกับการทุจริตคอร์รัปชัน และถูกจับกุมตัวแล้ว นอกจากนั้น ยังมีข่าวลือกระแสที่สามซึ่งบอกว่าทั้งคู่ถูกสังหารเสียชีวิตในระหว่างถูกถล่มโจมตีด้วยขีปนาวุธ
ถ้าหากการรุกใหญ่ตามที่วางแผนการเอาไว้จะต้องชะลอออกไปเพราะผู้นำของกองทัพถูกสังหาร ไม่ว่าจะต้องทำอย่างนั้นเนื่องจากสาเหตุอะไรก็ตามที เซเลนสกีก็จะต้องเผชิญปัญหาที่หนักหน่วงท่วมท้นอย่างแน่นอน
ปัญหาสำคัญประการหนึ่งในเวลาทำความเข้าใจเรื่องสงครามในยูเครนก็คือ ความเชื่อถือได้ของพวกแหล่งที่มาของข้อมูลข่าวสาร โดยที่ปัญหานี้ย่อมเกี่ยวข้องโยงใยไปถึงข้อเท็จจริงที่ว่าทั้งสองฝ่ายไม่ว่ายูเครนหรือรัสเซียล้วนแต่มีความชำนาญพิเศษในเรื่องการปล่อยข้อมูลข่าวสารที่ชักนำไปในทางที่ผิด และในเรื่องการสร้างข่าวปลอมๆ ขึ้นมา ที่พูดเช่นนี้ก็เพื่อจะบอกว่า ข้อมูลข่าวสารซึ่งกำลังมาจากบัคมุตนั้นจวบจนกระทั่งถึงเวลานี้ เป็นสิ่งที่สามารถยืนยันรับรองได้ ขณะที่พวกข่าวลือเกี่ยวกับชะตากรรมของเหล่านายพลระดับท็อปของยูเครนเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีอะไรยืนยัน
สตีเฟน ไบรเอน เป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่ที่ Center for Security Policy และ Yorktown Institute ข้อเขียนนี้หนแรกสุดเผยแพร่อยู่ในบล็อก Substack, Weapons and Strategy ของผู้เขียน