xs
xsm
sm
md
lg

ฝ่ายยูเครนดูจะไม่ได้รุกคืบที่ ‘เมืองบัคมุต’ อย่างที่พวกเขา และผู้นำ ‘กลุ่มวากเนอร์’ ของรัสเซียกล่าวอ้าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สตีเฟน ไบรเอน ***


(ภาพจากแฟ้ม) เยฟเกนี ปรีโกจิน นำวลาดิมีร์ ปูติน เยี่ยมชมรอบๆ โรงงานอาหารของเขาที่อยู่นอกนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ของรัสเซีย เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2010 โรงงานแห่งนี้เป็นสถานที่ผลิตมื้ออาหารสำหรับส่งไปโรงเรียนต่างๆ ทั้งนี้ ปรีโกจิน เคยเป็นเชฟของปูติน มาก่อนอีกด้วย ทว่าเวลานี้ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองทำท่าเจอมรสุมใหญ่เสียแล้ว
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Prigozhin’s attacks on Kremlin dig ever deeper hole
By STEPHEN BRYEN
12/05/2023

สถานการณ์ที่เมืองบัคมุต ในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ยังมีความสับสน และหลายฝ่ายไม่คิดว่าเคียฟกำลังเปิดการรุกใหญ่ที่นี่แน่ๆ แล้วอย่างที่ยูเครนแถลงในช่วงหลังๆ ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง วันเวลาที่ เยฟเกนี ปรีโกจิน จะเฟื่องฟูเรืองอำนาจในฐานะเป็นหัวหน้าของกองกำลังนักรบรับจ้าง “วากเนอร์ กรุ๊ป” ก็ทำท่าจะเหลือน้อยลงไปทุกที

เมื่อวันพุธ (10 พ.ค.) ในข้อเขียนเรื่องเมืองบัคมุตของผมได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า มันดูเหมือนทางยูเครนได้เปิดฉากการรุกครั้งใหญ่ตรงบริเวณปีกทางใต้ของบัคมุตแล้ว หลักฐานของเรื่องนี้คือรายงานข่าวหลายๆ ชิ้นที่ฝ่ายยูเครนอ้างว่าได้ชัยชนะครั้งใหญ่ และที่ เยฟเกนี ปรีโกจิน หัวหน้าของกลุ่มนักรบรับจ้าง “วากเนอร์” อ้างว่าทหารรัสเซียนั้นไม่ได้สู้รบแต่วิ่งหนีไปเลย รวมทั้งบอกด้วยว่า ทหารรัสเซียเหล่านี้อาจจะมากถึง 500 คนได้ถูกเข่นฆ่าเสียชีวิต เขากล่าวอ้างต่อไปอีกว่าจะเข้าไปแก้ปัญหานี้ ถึงแม้มันจะไม่ใช่พื้นที่ความรับผิดชอบของเขาก็ตามที
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://asiatimes.com/2023/05/bakhmut-update-5-10-2023/ หรือที่เก็บความเป็นภาษาไทยแล้วได้ที่ https://mgronline.com/around/detail/9660000044407)

แต่ว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาจริงๆ หรือ? แม้กระทั่งสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (Institute for the Study of War) ซึ่งมีความโน้มเอียงในทางเข้าข้างยูเครนอย่างแรงกล้า (ถึงแม้ว่ามีความพยายามรักษาความปลอดจากอคติเอาไว้อยู่บ้าง) ก็ยังแสดงท่าทีไม่ค่อยแน่ใจ เพราะไม่สามารถที่จะยืนยันความสำเร็จของฝ่ายยูเครน “ด้วยภาพ” ได้
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://substack.com/redirect/749e7a07-1c73-456c-84ff-77c0cc4a8586?j=eyJ1IjoiNTQ1NTUifQ.qYFYx5kfGiWo9cjGcAInbSEGFimskGW0kn2G2WyOBFw)

อย่างน้อยที่สุด มีนักวิเคราะห์วิดีโอฝีมือยอดเยี่ยมรายหนึ่งทางยูทูบ ได้บรรยายการกระทำคราวนี้ของฝ่ายยูเครนว่า จัดอยู่ในประเภทการลาดตระเวนเพื่อการรบ ซึ่งมีการรวบรวมกำลังเอาไว้จำนวนหนึ่ง แต่ก็เป็นการรบซึ่งทำเพียงแค่ขับไล่ทหารรัสเซียกลุ่มเล็กๆ ให้หลบหนีไป นักวิเคราะห์ของแชนเนลนี้กล่าวต่อไปว่าโอกาสที่ฝ่ายยูเครนจะมีการติดตามขยายผลใดๆ ตามมาอีกนั้นต่ำเอามากๆ เพราะการป้องกันปีกของฝ่ายรัสเซียในพื้นที่ซึ่งอยู่หลังแนวเส้นวางกับระเบิดเพื่อสกัดการจู่โจม (tripline) นั้นมีความเข้มแข็งมากๆ
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=oQPFpL5gCjQ)

แต่ประเด็นปัญหาที่แท้จริงกลับเป็นเรื่องของ ปรีโกจิน ผู้ซึ่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาได้ประณามโจมตีอย่างป่าเถื่อนเล่นงานคณะผู้นำกองทัพของรัสเซีย และพาดพิงเรียกขาน ปูติน ผู้ซึ่งในรัสเซียเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันในฐานะ “คุณปู่” ว่าเป็น “ไอ้งั่ง”

ปรีโกจิน ผู้นี้มีชีวิตสุขสบายเนื่องจากได้รับความสนับสนุนจาก ปูติน และปูติน ถือว่า ปรีโกจิน เป็น “เพื่อนที่ดีที่สุด” ของเขา ดังนั้น เวลานี้มันกำลังเกิดอะไรขึ้น?

ปรีโกจิน ให้พวกผู้ช่วยของเขาออกมาแพร่ข่าวว่า เขาไม่ได้กำลังพูดพาดพิงถึง ปูติน แต่กำลังพูดถึง พลโทวาเลรี เกราซิมอฟ (Valery Gerasimov) ประธานคณะเสนาธิการของกองทัพรัสเซีย ทว่าคงมีความเป็นไปได้น้อยมากที่ประดาชนชั้นผู้ครองอำนาจในมอสโกจะเชื่อถือในข้อแก้ตัวดังกล่าวนี้

สำหรับคำพูดของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ที่บัคมุตนั้น ก่อนอื่นเลยต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ปรีโกจิน นั้นไม่ได้อยู่ที่แนวหน้า และเส้นทางข้อมูลข่าวสารของเขาดูเหมือนมาจากคำแถลงต่างๆ ของฝ่ายยูเครนด้วยซ้ำไป เมื่อเขาได้ยินเรื่องที่ว่ามีทหารในกองทัพบกรัสเซียกำลังวิ่งหนี –อย่างที่ยูเครนกล่าวอ้าง และสนับสนุนด้วยคลิปวิดีโอที่ถ่ายให้เห็นทหารจำนวนไม่ถึงสิบคนกำลังวิ่งกันอยู่— เขาก็จัดแจงขยายให้เกินเลยออกไป แม้กระทั่งเว่อเกินจากการประกาศของฝ่ายยูเครนเองด้วยซ้ำ โดยบอกว่าทหารรัสเซียถูกฆ่าตายไป 500 คน

เนื่องจากมีทหารรัสเซียอย่างมากที่สุดก็คงแค่สักสองสามกองร้อย ประจำอยู่ตรงแนวเส้นปะทะ ซึ่งจะเกิดการสู้รบกับฝ่ายยูเครนในศึกที่ถูกกล่าวอ้างกันว่าเกิดขึ้นมาคราวนี้ ดังนั้นในทางสถิติแล้ว ตัวเลขที่ ปรีโกจิน บอกจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

การระเบิดคำรามใส่ ปูติน รวมทั้งการที่ ปรีโกจิน กล่าวอ้างเกี่ยวกับเรื่องกลุ่มวากเนอร์ไม่ได้รับเครื่องกระสุน ตลอดจนการที่เขาโจมตีคณะผู้นำของกองทัพบกรัสเซีย เหล่านี้กำลังบวกเข้ากับหลักฐานซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่า ขณะที่กลุ่มวากเนอร์กำลังถูกใช้ให้ทำการสู้รบในเขตตัวเมืองบัคมุต แต่ ปรีโกจิน กลับไม่ได้รับรู้ไม่ได้รับการบรรยายสรุปข้อมูลข่าวกรองในส่วนที่อยู่นอกเหนือไปจากอำนาจหน้าที่การปฏิบัติการเฉพาะหน้าของเขา

เรื่องนี้นอกจากความหมายในทางอื่นๆ แล้ว มันย่อมต้องหมายความด้วยว่าเขาไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ และไม่ได้ถูกถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาทหาร “ที่แท้จริง” คนหนึ่ง แล้วก็ในความเป็นจริงแล้ว ปรีโกจิน ไม่ได้เคยรับการฝึกอบรมทางการทหารหรือมีภูมิหลังทางการทหารใดๆ เขาพึ่งพาอาศัยพวกผู้บังคับบัญชาภาคสนาม โดยที่ช่วงหลังๆ นี้บางคนเป็นพวกที่ดึงเอามาจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงของฝ่ายทหารรัสเซีย เพื่อให้ทำหน้าที่สั่งการการปฏิบัติการของกลุ่มวากเนอร์

จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จึงมีบางคนบางฝ่ายคิดว่า ครั้งนี้ ปรีโกจิน อาจจะก้าวข้ามเส้นสีแดงอันตรายที่ ปูติน ยอมไม่ได้เสียแล้ว พูดกันอย่างง่ายๆ ที่สุด ปรีโกจิน กำลังเรียกร้องขอความยอมรับและเกียรติศักดิ์ศรี และเขาก็ไม่ได้รับการตอบสนองทั้งสองอย่าง

เครดิตความน่าเชื่อถือของเขาเวลานี้อยู่ในระดับตกต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ยิ่งไปกว่านั้น เขาอาจจะขุดหลุมฝังตัวเองอย่างลึกเพียงพอที่จะบ่งชี้ให้เห็นว่า วันเวลาของเขาในฐานะที่เป็นนายใหญ่ของกลุ่มวากเนอร์ กำลังเหลือน้อยเต็มที

สตีเฟน ไบรเอน เป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่ที่ Center for Security Policy และ Yorktown Institute ข้อเขียนนี้หนแรกสุดเผยแพร่อยู่ในบล็อก Substack, Weapons and Strategy ของผู้เขียน


กำลังโหลดความคิดเห็น