นักวิทยาศาสตร์รัสเซีย 3 คน ซึ่งมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกถูกตั้งข้อหาร้ายแรง และกำลังถูกสอบสวนข้อหาเป็นกบฏ (treason) ในความเคลื่อนไหวที่สร้างความตื่นตระหนกต่อประชาคมนักวิทยาศาสตร์แดนหมีขาว
ในจดหมายที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (15 พ.ค.) บรรดาเพื่อนร่วมงานของ อนาโตลี มัสลอฟ (Anatoly Maslov) อเล็กซานเดอร์ ชิเพิลยุค (Alexander Shiplyuk) และวาเลอรี ซเวกินเซฟ (Zveginstev) ต่างยืนยันในความบริสุทธิ์ของคนทั้งสาม และเตือนว่าการจับกุมพวกเขาอาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อแวดวงวิทยาศาสตร์ของรัสเซีย
“เรารู้จักพวกเขาดีว่าเป็นคนที่รักชาติบ้านเมือง และเป็นคนดีที่ไม่มีทางทำในสิ่งที่ทางการสงสัยพวกเขา” เนื้อความในจดหมายระบุ
ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ออกมาคุยโวว่ารัสเซียเป็นผู้นำโลกในด้านขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก ซึ่งสามารถเดินทางได้ด้วยความเร็วเหนือเสียง 10 เท่า หรือ Mach 10 เพื่อหลบหลีกระบบป้องกันของฝ่ายศัตรู ทว่าเมื่อวันอังคาร (16) ยูเครนประกาศว่าพวกเขาสามารถยิงทำลายขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกของรัสเซียได้ถึง 6 ลูกภายในค่ำคืนเดียว แม้ว่าฝ่ายรัสเซียจะปฏิเสธก็ตาม
นักวิทยาศาสตร์ทั้ง 3 คนนี้เข้าร่วมการประชุมวิชาการนานาชาติเป็นประจำตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเมื่อปี 2012 มัสลอฟ และชิเพิลยุค ได้นำเสนอผลการทดลองออกแบบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกในงานสัมมนาที่ฝรั่งเศส และต่อมาในปี 2016 ทั้ง 3 คนได้ร่วมกันเขียนบทความที่ชื่อว่า ‘Hypersonic Short-Duration Facilities for Aerodynamic Research at ITAM, Russia’
จดหมายเปิดผนึกจากเพื่อนร่วมงานของทั้งสามที่ ITAM (The Khristianovich Institute of Theoretical and Applied Mechanics) ยืนยันว่า เอกสารที่นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้นำเสนอต่อที่ประชุมวิชาการนานาชาติผ่านการตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก จนมั่นใจว่าไม่มีข้อมูลละเอียดอ่อนรั่วไหลออกไป
พวกเขาเตือนว่า การจับกุมครั้งนี้ “สะท้อนให้เห็นว่า บทความหรือรายงานแค่ฉบับเดียวก็อาจจะนำไปสู่ข้อหาทรยศชาติได้... และในสถานการณ์เช่นนี้เราไม่เพียงเป็นห่วงชะตากรรมของเพื่อนร่วมงานเท่านั้น แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะทำงานต่อไปได้อย่างไร”
จดหมายฉบับนี้ยังอ้างถึงกรณีของ ดมิตรี โกลเกอร์ (Dmitry Kolker) นักวิทยาศาสตร์ชาวไซบีเรียอีกคนซึ่งถูกจับเมื่อปีที่แล้วข้อหาเป็นกบฏ และถูกพาตัวไปมอสโกทั้งที่กำลังป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนขั้นรุนแรง
โกลเกอร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแสงเลเซอร์ เสียชีวิตภายหลังถูกจับแค่ 2 วัน
“ตอนนี้นักศึกษาที่เก่งที่สุดก็ยังปฏิเสธที่จะทำงานกับเรา และพนักงานรุ่นหนุ่มสาวจำนวนมากตัดสินใจออกจากแวดวงวิทยาศาสตร์ไป ขอบเขตการวิจัยที่สำคัญยิ่งยวดและเป็นพื้นฐานสำหรับเทคโนโลยีด้านการบินและอวกาศแห่งอนาคตอาจจะต้องปิดตัวลง เพราะไม่มีใครกล้าที่จะทำวิจัยในเรื่องเหล่านี้แล้ว” เนื้อหาในจดหมายระบุ
ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ระบุว่า ตนได้รับจดหมายเปิดผนึกจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์จากไซบีเรียที่เขียนมายืนยันในความบริสุทธิ์ของนักวิทยาศาสตร์ทั้ง 3 คนแล้ว ทว่าคดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานความมั่นคง
“เราได้รับหนังสือร้องเรียนแล้ว แต่หน่วยปฏิบัติการพิเศษกำลังทำคดีนี้อยู่ พวกเขาต้องปฏิบัติหน้าที่ เพราะนี่เป็นข้อหาที่ร้ายแรงมาก”
ที่มา : รอยเตอร์