ศาลจีนพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตชายชาวอเมริกันวัย 78 ปี ในข้อหาเป็นสายลับจารกรรมข้อมูล (espionage) เมื่อวันจันทร์ (15 พ.ค.) โดยยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของคดี
การลงโทษสถานหนักต่อพลเมืองต่างชาติเช่นนี้ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในจีน และคาดว่าคำพิพากษาจำคุกนาย จอห์น ชิง-วาน เหลียง (John Shing-wan Leung) ซึ่งถือพาสปอร์ตอเมริกัน อาจจะทำให้ความสัมพันธ์วอชิงตัน-ปักกิ่งย่ำแย่ลงไปอีก
ศาลประชาชนในเมืองซูโจวของจีนระบุในคำพิพากษาว่า เหลียง ซึ่งเป็นผู้พำนักถาวรของฮ่องกง “ถูกพบว่ามีความผิดฐานจารกรรม และศาลตัดสินให้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต และถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต”
ศาลยังระบุด้วยว่า ทางการเมืองซูโจวได้ใช้ “มาตรการที่จำเป็นตามกฎหมาย” เพื่อเอาผิดกับ เหลียง เมื่อเดือน เม.ย. ปี 2021 แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเขาถูกควบคุมตัวตั้งแต่เมื่อไหร่
โฆษกสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่งยืนยันว่า ได้รับรายงานเกี่ยวกับพลเมืองอเมริกันที่ถูกศาลจีนพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตในเมืองซูโจวแล้ว
“ภารกิจที่สำคัญที่สุดของกระทรวงการต่างประเทศคือการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่พลเมืองสหรัฐฯ ในต่างประเทศ” โฆษกผู้นี้กล่าว พร้อมปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ เพิ่มเติม
คำพิพากษาของศาลเองไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับความผิดที่ชายผู้นี้ก่อขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับจีนที่มักจะไต่สวนคดีลักษณะนี้ในทางลับ
ด้าน หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีนี้ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (15)
ในส่วนของฮ่องกง รัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง คริส ถัง แถลงต่อสื่อมวลชนวานนี้ (15) ว่าฝ่ายบริหารฮ่องกงได้รับทราบเรื่องการจับกุม เหลียง ในปี 2021 แล้ว พร้อมยืนยันว่า “ตำรวจฮ่องกงได้มีมาตรการติดตามหลังจากที่ได้รับแจ้ง” แต่ไม่ขอให้ข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมอีก
คดีของ เหลียง มีแนวโน้มที่จะยิ่งบั่นทอนความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ซึ่งย่ำแย่อยู่แล้วทั้งจากประเด็นการค้า สิทธิมนุษยชน และไต้หวัน
ทั้งนี้ สหรัฐฯ และจีนเพิ่งจะกลับมาสานต่อการเจรจาระดับสูงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังการพูดคุยระหว่าง 2 มหาอำนาจต้องหยุดชะงักแบบไม่เป็นทางการจากกรณี “บอลลูนสอดแนมจีน” ที่ถูกสหรัฐฯ ยิงตกเมื่อเดือน ก.พ.
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ได้มีโอกาสหารือกับ หวัง อี้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมาธิการต่างประเทศส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่กรุงเวียนนาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยทั้ง 2 ฝ่ายยืนยันว่าเป็นการสนทนาอย่าง “เปิดใจ มีเนื้อหาสาระ และสร้างสรรค์” ที่มุ่งนำพาทั้ง 2 ชาติก้าวข้ามความขัดแย้งในประเด็นบอลลูนสอดแนม
ที่มา : เอเอฟพี
