xs
xsm
sm
md
lg

เลือกตั้งเมืองไทยกับความคิดริเริ่มอารยธรรมของจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


สี จิ้นผิง
อีกแค่อาทิตย์เดียว...ก็ถึงเวลาที่จะได้ “เขย่าประชาธิปไตยในมือของทั่น” ภายในช่วง 4 วินาที ณ คูหาเลือกตั้งกันแล้ว!!! สำหรับบ้านเรา และก็น่าจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับประเทศไก่งวงตุรกี-ตุรเคีย ที่จะต้องมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกสภาฯ อีก 600 พระหน่อ ในวันที่ 14 พ.ค. เช่นเดียวกับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา นั่นแล...

โดยไม่ว่า “ผลเลือกตั้ง” จะออกมาในรูปไหน แนวไหน เป็นไปตามโพลมติชน-เดลินิวส์-เนชั่น-นิด้า-ซุปเปอร์โพล ฯลฯ หรือไม่? อย่างไร? ใครจะแลนด์ไถล-ไม่แลนด์ไถล? ดูๆ แล้ว...มันน่าจะ “ยุ่งฉิบหาย-ยุ่งตายโหง” กันต่อไปอีกพอสมควรทีเดียว ไม่ต่างไปจากประเทศไก่งวงตุรกี-ตุรเคียอีกเช่นกัน เพราะภายใต้การบดบี้แบบชนิดหายใจรดต้นคอของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายตรงกันข้าม ถึงขั้นส่งผลให้รัฐมนตรีมหาดไทยตุรเคีย “นายSuleyman Soylu” ต้องออกมาพูดจา ปราศรัย บนเวทีหาเสียง ณ กรุงอิสตันบูลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในลักษณะแทบไม่ต่างไปจากการปราศรัยหาเสียงของ “คุณพี่ตุ๋ย-พีระพันธุ์” “คุณพี่เสี่ยเฮ้ง-ชมกลิ่น” ไปจนถึง “ด็อกเตอร์ไตรรงค์”ฯลฯ หรือบรรดาพวก “ติ่งลุงตู่” อะไรประมาณนั้น ที่ต้องออกมาเล่นงานพวก “ชังชาติ” ชนิดเสือกใสไล่ส่งให้ไปอยู่นอกประเทศโน่นเลย เช่นการปลุกระดมให้บรรดาชาวไก่งวงทั้งหลาย พึงตระหนักถึงสิ่งที่ “น่ากลัว” ยิ่งกว่าการก่อการร้ายธรรมดาๆ นั่นคือ “การก่อการร้ายทางวัฒนธรรม” โดยนักการเมืองประเภท “เสรีนิยม” หรือบรรดาผู้ที่นิยมตะวันตกทั้งหลาย อันอาจนำมาซึ่ง “การทำลายโครงสร้างของครอบครัว ศีลธรรม อารยธรรมของชาติ ทำลายประวัติศาสตร์ ศาสนา ค่านิยม ประเพณี วัฒนธรรมของเรา ไปจนแม้แต่สิ่งที่พ่อ-แม่ของเราเคยพร่ำสอนเอาไว้...”

นี่...ต้องเรียกว่าน่าเกลียด-น่ากลัว ไม่น้อยไปกว่าพวกเสรีนิยมบ้านเรา อย่าง “คุณพี่ธนาธร-ปิยบุตร-คุณน้องช่อ” ผู้ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหลังนายกฯ โซเชียลมีเดีย อย่างคุณหลาน “พิธา” ที่ว่ากันว่ากำลังมาแรง แซงโค้ง เอามากๆ หรือผู้ที่เคยให้ข้อคิด ความเห็น มุมมองและทัศนะไว้ก่อนหน้านั้น ถึงความเป็นเสรีนิยมแบบชนิดไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปให้ความเคารพนับถือพ่อๆ-แม่ๆ คุณลุง-คุณป้า-คุณน้า-คุณอาฯลฯ ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้องนับถือครูบาอาจารย์ หรือสถาบันสำคัญทางสังคมใดๆ ก็ตาม ฯลฯ แต่ไปๆ-มาๆ...กลับเป็นอะไรที่เบียดโค้ง แหกโค้งวัดเบญฯ ผงาดขึ้นเป็นผู้มีคะแนนนิยมอันดับ 1 ไม่ว่าในโพลมติชน-เดลินิวส์-เนชั่น-นิด้า ฯลฯ ชนิดอาจนำมาซึ่งความ “ยุ่งฉิบหาย-ยุ่งตายโหง” ให้กับสังคมไทยไม่น้อยไปกว่าสังคมตุรเคียเอาเลยก็ไม่แน่!!!

ด้วยเหตุนี้...เปิดฉากสัปดาห์นี้ แทนที่จะไปว่ากันในเรื่องการเมือง-การทหาร ใน “แนวรบ” ต่างๆ ทั่วทั้งโลกเหมือนเช่นเคย คงต้องขออนุญาตหันมาว่ากันถึงเรื่อง “วัฒนธรรม” หรือ “อารยธรรม” น่าจะเหมาะกว่า โดยเฉพาะเมื่อบรรดา “การเลือกตั้ง” ตามมาตรฐานประชาธิปไตยแบบตะวันตกทั้งหลาย นับวัน...มันชักกลายเป็นตัว “สร้างปัญหา” ให้กับใครต่อใคร ไม่เว้นแม้แต่บรรดา “ประเทศประชาธิปไตยแม่แบบ” ในแต่ละราย ไม่ว่าประชาธิปไตยอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฯลฯ ก็เถอะ!!! ที่ไปๆ-มาๆ ต่างออกอาการ “เละเป็นขี้-เละเป็นโจ๊ก” ไปด้วยกันทั้งนั้น เกิดความแปลกแยก แตกต่าง ในหมู่ปวงชนกับปวงชนจนถึงขั้นต้องหันมาเผชิญหน้ากันและกัน หรือระหว่างปวงชนกับบรรดาผู้ปกครองในรัฐบาลต่างๆ จนก่อให้เกิด “คำถาม” แทบจะทั่วทั้งโลก ถึงความสอดคล้อง เหมาะสม ต่อลักษณะพิเศษ หรือลักษณะเฉพาะของสังคมนั้นๆ อันเป็นสิ่งที่ถูกถักทอ บูรณาการ มาจากรากฐานทางประวัติศาสตร์ ค่านิยม วัฒนธรรม-ประเพณี หรือบรรดา “อารยธรรม” ต่างๆ ที่ย่อมผิดแผกแตกต่างกันไปมั่งไม่มาก-ก็น้อย หรือเต็มไปด้วย “ความหลากหลาย” จนอาจมิพึงที่จะนำเอา “มาตรฐาน” แบบใด-แบบหนึ่ง มาใช้เป็นตัวรองรับไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง...

อันนี้นี่เอง...ที่อาจก่อให้เกิดแรงกระตุ้นต่อประเทศที่ได้สั่งสมวัฒนธรรม อารยธรรมมานานนับเป็นพันๆ ปี อย่างคุณพี่จีนที่ได้อาศัย “ประชาธิปไตยที่มีลักษณะเฉพาะ” หรือ “ประชาธิปไตยรวมศูนย์” ภายใต้การนำของ “พรรคคอมมิวนิสต์จีน” นับแต่ยุค “ท่านประธานเหมา” มาจนถึงยุคประธานาธิบดี “สี ทนได้” หรือ “สี จิ้นผิง” ที่ได้จังหวะ เวลา ออกมานำเสนอสิ่งที่เรียกว่า “แนวคิดริเริ่มแห่งอารยธรรมโลก” หรือ “Global Civilization Initiative” (GCI) ช่วงการประชุมสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งล่าสุด หรือครั้งที่บรรดาสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ทั้งหลายยินยอม พร้อมใจ เลือกประธานาธิบดีผู้นี้ ให้ดำรงตำแหน่งต่อไปเป็นสมัยที่ 3 นั่นแล ท่าน “ประธานาธิบดีสี” หรือ “จักรพรรดิสี”...ก็แล้วแต่จะเรียก ท่านเลยเสนอให้มีการถกเถียงกันในเรื่อง “GCI” หลังจากที่ได้เสนอให้ถกเถียงกันในเรื่อง “GDI” (Global Development Initiative) และ “GSI” (Global Security Initiative) มาก่อนหน้านั้น...

อันเนื่องมาจากท่านเห็นว่า...ในโลกยุคใหม่ หรือสังคมสมัยใหม่นั้น ไม่ควรที่จะอาศัยมาตรฐานใด-มาตรฐานหนึ่ง เป็น “แม่พิมพ์สำเร็จรูป” หรือเป็น “cookie-cutter” ที่จะต้อง “copy” แล้วก็ “paste” แบบไม่จำเป็นต้องสนใจต่อวัฒนธรรม หรืออารยธรรม ที่สังคมนั้นๆได้เคยสั่งสมมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่ถือเป็นสิ่งที่มี “คุณค่า” สูงเอามากๆ ไม่ว่าในแง่การประดิษฐ์คิดค้น การแปรรูป แปรร่าง ในแต่ละขั้นตอน จนกลายเป็นลักษณะพิเศษ-ลักษณะเฉพาะของสังคมนั้นๆ ไม่ต่างไปจาก “ดอกไม้หลายร้อยดอก” ที่ถึงจะสามารถสร้างสวนแห่งฤดูใบไม้ผลิขึ้นมาได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ดอกไม้ดอกเดียวที่บานอยู่ในกระถาง แล้วพยายามควบคุม บังคับ ให้ใครต่อใครต้องเป็นไปตามมาตรฐานของตัวเองเท่านั้น...

โดยข้อเสนอดังกล่าว...จะเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร ถูกๆ-ผิดๆ อันนั้น...คงต้องลองไปถกเถียง โต้กันไป-โต้กันมาเอาเองก็แล้วกัน แต่ด้วยความพยายามนำเสนอในสิ่งที่ว่านี้นี่เอง ที่ทำให้นิตยสารชื่อดังแห่งโลกตะวันตก อย่าง “The Economist” เขาถึงกับนำเอาไปพาดหัว ไปวิพากษ์ วิจารณ์ ถือเป็น “ความพยายามล่าสุดของจีนในการรณรงค์ต่อต้านค่านิยมตะวันตก” หรือ “China’s latest attempt to rally the world against Western values” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!! แถมลากโยงไปเกี่ยวพันกับแนวคิด ทฤษฎี ว่าด้วยเรื่อง “การปะทะทางอารยธรรม” หรือ “The Clash of Civilization” ของอดีตนักคิดชาวอเมริกันเชื้อสายยิวผู้วายชนม์ไปเมื่อไม่นานมานี้ อย่าง “นายSamuel Huntington” ที่เคยคาดหมายทำนายไว้ก่อนหน้านั้น ถึงการเผชิญหน้าระหว่างอารยธรรมตะวันตกกับอารยธรรมตะวันออก จนอาจนำมาซึ่ง “สงครามโลกครั้งที่ 3” จนได้!!!

การนำเสนอในเรื่อง “GCI” หรือ “แนวคิดริเริ่มแห่งอารยธรรมโลก” ของคุณพี่จีน หรือของท่านประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ในกรณีนี้ จึงเป็นอะไรที่น่าสนใจ น่าคิดสะกิดใจ มิใช่น้อย เพราะถ้าหากประเทศจีนยังเป็นแค่จีนยุคก่อนๆ ที่เพียงแค่ “เรือปืน” ของชาวตะวันตกไม่กี่ลำ ก็สามารถกดดัน บีบบังคับ ให้จักรพรรดิจีนต้องยอมศิโรราบได้ไม่ยากส์ส์ส์ แต่สำหรับจีนยุคใหม่ ในสังคมสมัยใหม่ ที่กำลังผงาดขึ้นเป็น “มหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก” อีกไม่ใกล้-ไม่ไกล เป็นประเทศที่สามารถขจัดปัญหา อุปสรรค ที่แก้ยาก-แก้เย็นเสียเหลือเกิน เช่นปัญหา “ความยากจน” ภายในประเทศ ชนิดแทบไม่เหลือ “คนจน” หรือแทบไม่หลงเหลือ “ความเหลื่อมล้ำ” ใดๆ อีกต่อไป เป็นประเทศที่ยังสามารถดำรงรักษาโครงสร้างของครอบครัว ศีลธรรม อารยธรรมของชาติ ประวัติศาสตร์ ศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม ที่เป็นมรดกตกทอดมานานนับพันๆ ปี ฯลฯ ไว้ได้ไม่มาก-ก็น้อย โดยไม่จำเป็นต้องแปรรูป แปรร่าง ไปตาม “มาตรฐานตะวันตก” ที่ครอบงำโลกทั้งโลกไว้ไม่น้อยกว่า 400 ปีเอาเลยก็ว่าได้ ในขณะที่ “ประชาธิปไตย” ตามแบบฉบับตะวันตก กลับดูจะไม่ให้ “คำตอบ” ต่อสิ่งเหล่านี้ได้ถนัดชัดเจนมากมายสักเท่าไหร่ หรือกลับกลายเป็นตัว “สร้างปัญหา” ให้กับโลกยุคใหม่ สังคมสมัยใหม่ยิ่งๆ ขึ้นไป กลับเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความแปลกแยก แตกต่าง เกิดการเผชิญหน้าระหว่างปวงชนกับปวงชน หรือระหว่างปวงชนกับรัฐก็แล้วแต่ จนอาจนำไปสู่ความยุ่งฉิบหายยุ่งตายโหง ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้!!!

ดังนั้น...ไม่ว่าเราจะต้อง “เขย่าประชาธิปไตยในมือของทั่น” กันอีกสักกี่ครั้ง-กี่ครา ต้อง “ก้าวสะเปะสะปะ” หรือต้อง “เผาไทย” กันอีกกี่รอบต่อกี่รอบก็ตามที แต่ภายใต้โลกยุคใหม่ สังคมสมัยใหม่ ที่กำลังเผชิญกับ “ความเปลี่ยนแปลง” จนอาจทำให้ “มาตรฐานเดิมๆ” ไม่อาจบังคับใช้ได้อีกต่อไป แม้จะเคยครอบงำและครอบครองโลกทั้งโลกนับเป็นศตวรรษๆ มาแล้วก็ว่าได้ การหันมาให้คุณค่า ให้ความเคารพต่อ “ความหลากหลายทางวัฒนธรรม” (The respect for the diversity of civilization) พร้อมอดทน-อดกลั้น พร้อมร่วมมือ แลกเปลี่ยน และเรียนรู้ถึงความผิดแผกแตกต่าง หรือลักษณะเฉพาะของอารยธรรมทั้งหลาย ตามการนำเสนอของคุณพี่จีน หรือของประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ว่าด้วย “แนวคิดริเริ่มทางอารยธรรม” ที่ว่านี้...จึงอาจถือเป็นทางออก ทางเลือก ที่น่าคิด น่าสะกิดใจ มิใช่น้อย...


กำลังโหลดความคิดเห็น