กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดผยว่าเครื่องบินขับไล่ซู-35 ของมอสโกลำหนึ่งต้องรุดขึ้นบินเหนือทะเลบอลติกเมื่อวันจันทร์ (20 มี.ค.) หลังตรวจพบเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ 2 ลำของสหรัฐฯ บินในทิศทางที่มุ่งเข้าหาเขตแดนของรัสเซีย สุดท้ายซู-35 ได้กลับสู่ฐานทัพ หลังเครื่องบินทิ้งระเบิดของอเมริกา 2 ลำ บินเลี่ยงออกไป
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตามหลังกรณีพิพาทเมื่อวันที่ 14 มีนาคม โดรนสหรัฐฯ ลำหนึ่งร่วงตกสู่ทะเลดำ หลังถูกเครื่องบินรบรัสเซียบินเข้าสกัด ในสิ่งที่รับรู้กันว่าเป็นการเผชิญหน้าทางทหารโดยตรงครั้งแรกระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ นับตั้งแต่มอสโกเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน
"เมื่อวันที่ 20 มีนาคม เรดาร์ของกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศของมณฑลทหารบกตะวันตก ที่ทำหน้าที่ครอบคลุมทะเลบอลติก ตรวจพบเครื่องบินเป้าหมาย 2 ลำ กำลังบินในทิศทางที่มุ่งหน้าสู่เขตแดนประเทศของสหพันธรัฐรัสเซีย" กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในเทเลแกรม
ถ้อยแถลงระบุว่า เครื่องเป้าหมายทั้ง 2 ลำ ได้แก่เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B52H ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
ในถ้อยแถลงเผยว่าพวกเขาได้ส่งเครื่องบินขับไล่ซู-35 ลำหนึ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อป้องกันการละเมิดชายแดน พร้อมระบุ "หลังจากเครื่องบินทหารของต่างชาติบินหลีกออกไปจากเขตแดนแห่งรัฐของสหพันธรัฐรัสเซียแล้ว เครื่องบินขับไล่ของรัสเซียก็กลับสู่ฐานทัพ"
กระทรวงกลาโหมรัสเซียชี้แจงว่า เครื่องบินขับไล่ซู-35 ของรัสเซีย ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดต่อกฎระเบียบระหว่างประเทศเกี่ยวกับการใช้น่านฟ้า "เราไม่อนุญาตให้มีการล่วงละเมิดใดๆ ต่อเขตแดนแห่งรัฐของสหพันธรัฐรัสเซีย" ถ้อยแถลงระบุ
(ที่มา : รอยเตอร์)