รัฐบาลนิวซีแลนด์สั่งห้ามใช้ TikTok บนอุปกรณ์ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายของรัฐสภา โดยอ้างผลกระทบต่อความมั่นคงทางไซเบอร์ นับเป็นประเทศล่าสุดที่ตัดสินใจใช้มาตรการกีดกันแอปวิดีโอสั้นยอดนิยมบนอุปกรณ์ของรัฐ
หลายชาติทั่วโลกต่างแสดงความกังวลว่า รัฐบาลจีนอาจจะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ที่อยู่และรายชื่อผู้ติดต่อของผู้ใช้ TikTok ผ่านทางฐานข้อมูลของ Bytedance ซึ่งเป็นบริษัทแม่สัญชาติจีน ซึ่งความกังวลนี้ถูกสะท้อนให้เห็นชัดเจนจากการที่รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ออกมากดดันให้บรรดาเจ้าของชาวจีนของ TikTok ขายหุ้นทิ้ง หากไม่อยากให้แอปถูกแบนในอเมริกา
ล่าสุด ทางการนิวซีแลนด์ได้ประกาศห้ามใช้ TikTok บนอุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายของรัฐสภา โดยจะเริ่มมีผลบังคับภายในสิ้นเดือน มี.ค.นี้
ราฟาเอล กอนซาเลซ-มอนเตโร ผู้บริหารของรัฐสภานิวซีแลนด์ (Parliamentary Service Chief Executive) ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ผ่านอีเมลว่า การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญความมั่นคงไซเบอร์ และได้ผ่านกระบวนการปรึกษาหารือทั้งภายในรัฐบาล และกับชาติพันธมิตรแล้ว
“เมื่อพิจารณาข้อมูลเหล่านี้ เราจึงประเมินว่าความเสี่ยงดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ในบริบทปัจจุบันของรัฐสภานิวซีแลนด์”
อย่างไรก็ดี กอนซาเลซ-มอนเตโร ย้ำว่า บุคลากรซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้ TikTok ในการปฏิบัติหน้าที่ยังสามารถขออนุญาตใช้งานเป็นกรณีพิเศษได้
อังกฤษได้ประกาศแบนแอป TikTok บนโทรศัพท์ของรัฐบาลโดยมีผลทันทีเมื่อวานนี้ (16) ขณะที่หน่วยงานของสหรัฐฯ ได้รับคำสั่งให้ลบแอปดังกล่าวออกจากอุปกรณ์ของรัฐทั้งหมดภายในสิ้นเดือน มี.ค.
TikTok ระบุว่า ทางบริษัทเชื่อว่ามาตรการแบนที่หลายประเทศนำมาใช้เกิดจาก “ความเข้าใจผิดอันมีที่มาจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์” และที่ผ่านมา บริษัทได้ทุ่มงบกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยข้อมูล และยืนกรานว่าไม่ได้เป็นเครื่องมือสอดแนมของรัฐบาลจีน
ที่มา : รอยเตอร์