ผู้นำสหรัฐฯ ระบุในวันพุธ (22 ก.พ.) ว่าตนไม่คิดว่าการที่รัสเซียขอระงับการมีส่วนร่วมในสนธิสัญญาควบคุมอาวุธ New START จะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน มีแผนนำ “อาวุธนิวเคลียร์” ออกมาใช้เร็วๆ นี้ แต่ก็เตือนว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็น “ความผิดพลาดที่ร้ายแรง”
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ABC News โดยระบุว่า “การทำเช่นนั้นจะเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรง และสื่อถึงความไม่รับผิดชอบ แต่ผมก็เชื่อว่าเขายังไม่คิดที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรืออะไรทำนองนั้นหรอก”
ระหว่างการแถลงนโยบายประจำปีเมื่อวันอังคาร (21) ปูติน ประกาศว่ารัสเซียขอระงับการมีส่วนร่วมในข้อตกลง New START ซึ่งเป็นสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ที่ทำร่วมกับสหรัฐฯ ฉบับสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ พร้อมเตือนว่ามอสโกอาจรื้อฟื้นการทดสอบนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงในเวลาต่อมาว่า มอสโกจะยังคงปฏิบัติตามเงื่อนไขว่าด้วยการจำกัดจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ที่แต่ละฝ่ายสามารถประจำการได้ และจะแจ้งให้สหรัฐฯ ทราบหากมีความเปลี่ยนแปลง
พิธีกรข่าวได้ถาม ไบเดน ว่า การระงับข้อตกลง New START จะทำให้โลกเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยน้อยลงหรือไม่? ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ตอบว่า “ผมว่าเราย่อมจะปลอดภัยกันน้อยลง เมื่อเราหันหลังให้ข้อตกลงควบคุมอาวุธที่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย และต่อประชาคมโลกทั้งมวล”
กระนั้นก็ตาม ไปเดน ยืนยันว่าเขายัง “ไม่เห็นหลักฐาน” ที่บ่งชี้ว่ารัสเซียจะปรับจุดยืนด้านนิวเคลียร์
“เรื่องที่ว่าพวกเขาอาจจะนำอาวุธนิวเคลียร์ หรือขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ออกมาใช้ เรายังไม่เห็นหลักฐานในส่วนนั้น” ผู้นำสหรัฐฯ ระบุ
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงในวันอังคาร (21) ว่าการที่รัสเซียระงับข้อตกลง New START เป็นเรื่องที่ “น่าเสียดายและแสดงถึงความไม่รับผิดชอบ” ขณะที่ เยน สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เตือนว่าความเคลื่อนไหวนี้จะทำให้โลกกลายเป็นสถานที่ที่ “อันตราย” มากขึ้น และขอให้ ปูติน ทบทวนการตัดสินใจใหม่
รัสเซียเรียกร้องให้มีการนำคลังแสงนิวเคลียร์ของ “ฝรั่งเศส” และ “อังกฤษ” ซึ่งมีจุดยืนเป็นปฏิปักษ์กับมอสโก เข้ามารวมอยู่ในกรอบข้อตกลงฉบับนี้ด้วย ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่นักวิเคราะห์เชื่อว่าคงเป็นไปได้ยาก
ที่มา : รอยเตอร์
