(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
HK sells reopening with half a million free air tickets
By JEFF PAO
03/02/2023
กลยุทธ์แจกตั๋วเครื่องบินฟรีๆ ครึ่งล้านใบคราวนี้ ซึ่งกระทำผ่านพวกสายการบินท้องถิ่น ด้วยวิธีจับสลากและการเล่นเกม ไม่เพียงแค่ต้องการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลับมายังนครแห่งนี้อีกครั้งเท่านั้น แต่ยังมีจุดมุ่งหมายที่จะโน้มน้าวพวกที่ผละจากไปให้หวนกลับมาอีกด้วย
รัฐบาลฮ่องกงจะแจกตั๋วเครื่องบินฟรี จำนวน 500,000 ใบ ให้แก่พวกผู้เดินทางระหว่างประเทศเริ่มตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการแจกฟรีต่างๆ ที่ภาครัฐจะนำมาใช้ส่งเสริมการท่องเที่ยวของฮ่องกงหลังจากโรคระบาดใหญ่ และในขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่เปิดประตูอีกครั้งหนึ่งหลังยกเลิกนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” อันเข้มงวด
ตั๋วเครื่องบินเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตั๋วโดยสารที่การท่าอากาศยานของฮ่องกงซื้อเอาไว้ในช่วงปี 2020 จะมีพวกสายการบินต่างๆ ในฮ่องกงเป็นผู้ทำหน้าที่แจกจ่าย และก็มีบางส่วนซึ่งทางพวกบริษัททัวร์จะเป็นผู้จัดสรรให้แก่บรรดานักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลฮ่องกงได้เริ่มเคมเปญรณรงค์ทางการตลาดที่ใช้ชื่อว่า “เฮลโล ฮ่องกง” เพื่อบอกเล่าข่าวคราวเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับนครแห่งนี้แก่ชาวต่างประเทศ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://twitter.com/Brand_HK/status/1621080659031896064) การโปรโมชันให้เกิดความรู้สึกดีๆ เช่นนี้ มีขึ้นหลังจากชาวอเมริกัน 15,000 คน และชาวฮ่องกงหลายแสนคน ได้ตัดสินใจเดินทางออกไปจากนครแห่งนี้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
รัฐบาลเขตบริหารพิเศษของจีนแห่งนี้บอกด้วยว่า อีกไม่นานจะยกเลิกมาตรการซึ่งกำหนดให้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่เดินทางมาฮ่องกง ต้องแสดงผลตรวจโควิดแบบ PCR ว่าเป็นลบ ทั้งนี้เพื่อจะได้ไปถึงสิ่งที่เรียกกันว่า “การเปิดพรมแดนขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง” อย่างสมบูรณ์แบบ
นับตั้งแต่ตอนที่โรคระบาดใหญ่ปะทุขึ้นในเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย เมื่อเดือนมกราคม 2020 ทั้งฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ได้บังคับใช้ระเบียบกฎเกณฑ์การกักกันโรคและการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวดที่สุดในโลกจวบจนกระทั่งถึงปลายปี 2022
ตลอดระยะเวลาดังกล่าว บริษัทต่างประเทศจำนวนมากได้โยกย้ายกิจการสาขาในฮ่องกงของพวกเขาไปฮับธุรกิจแห่งอื่นๆ เป็นต้นว่า สิงคโปร์ ขณะที่ชาวต่างประเทศซึ่งพำนักอาศัยอยู่ในฮ่องกงหลายหมื่นคนออกไปจากนครแห่งนี้แบบถาวร โดยที่ก่อนหน้านั้น ยังมีกระแสที่ชาวฮ่องกงจำนวนมากพากันอพยพโยกย้ายไปต่างแดนโดยที่มิได้มีแรงจูงใจอันเกี่ยวข้องกับโรคโควิด หลังจากที่ปักกิ่งบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Law) ซึ่งชาวฮ่องกงไม่น้อยมองว่าเต็มไปด้วยข้อบังคับที่โหดๆ และเนื้อหาคลุมเครือ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2020
ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว (2 ก.พ.) การท่าอากาศยานของฮ่องกงประกาศว่า สายการบินแห่งต่างๆ ของฮ่องกง ซึ่งได้แก่ คาเธย์แปซิฟิก (Cathay Pacific) เอชเค เอกซ์เพรส (HK Express) และฮ่องกงแอร์ไลนส์ (Hong Kong Airlines) จะเป็นผู้ทำหน้าที่จ่ายแจกตั๋วโดยสารเครื่องบินฟรี จำนวน 500,000 ใบ โดยใช้วิธีจับสลากหาผู้โชคดี ตลอดจนการเล่นเกมต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมเป็นต้นไป
(หมายเหตุผู้แปล -- คาเธย์แปซิฟิก ระบุในเว็บไซต์ของตนว่า จะมีการแจกจ่ายตั๋วเครื่องบินไป-กลับฮ่องกง ที่ลดราคากันอย่างใจดีในจำนวนจำกัดในขอบเขตทั่วโลกโดยแบ่งเป็นระยะๆ โดยในเอเชีย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2023 จากนั้นจะเป็นการทยอยแจกตั๋วที่ใช้ได้สำหรับสหราชอาณาจักร เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป คาเธย์แปซิฟิก ขอให้ผู้สนใจลงทะเบียนไว้กับทางสายการบิน เพื่อจะได้ทราบรายละเอียดเพิ่มเติมและมีโอกาสที่จะได้รับตั๋วฟรี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://flights.cathaypacific.com/en_GB/offers/world-of-winners.html
สำหรับเอชเค เอกซ์เพรส ยังไม่ได้ให้รายละเอียด มีแต่โฆษณาที่ระบุข้อความว่า รายการนี้จะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hkexpress.com/en-hk/
ส่วนฮ่องกงแอร์ไลนส์ บอกว่าจะแจกตั๋วไปกลับชั้นประหยัดฟรีๆ โดยแบ่งเป็นระยะๆ ระยะแรกเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม สำหรับผู้เดินทางจากพวกตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาฮ่องกง จากนั้นจะตามมาด้วยพวกที่เดินทางจากตลาดจีนแผ่นดินใหญ่และตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้นว่าญี่ปุ่นและเกาหลี สำหรับตั๋วเดินทางจากฮ่องกงไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ นั้นจะเริ่มแจกจ่ายในไตรมาส 3 ทั้งนี้ การจองตั๋วเกี่ยวกับการนี้ผ่านเว็บไซต์ของฮ่องกงแอร์ไลนส์ จะกระทำได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2023 เป็นต้นไป โดยรายละเอียดต่างๆ จะมีการโพสต์ทางเว็บไซต์ของสายการบินตามลำดับไป ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hongkongairlines.com/en_HK/readysetgo/main)
คาดกันว่า ผู้มาเยือนที่ได้ตั๋วฟรีแต่ละคนจะนำเอาเพื่อนร่วมเดินทางมาด้วยรายละ 2-3 คน นี่จึงหมายความว่าโปรแกรมนี้จะสามารถดึงดูดผู้เดินทางมากกว่า 1 ล้านคนให้มาฮ่องกง เฟร็ด แลม (red Lam) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของการท่าอากาศยานฮ่องกง ระบุ
ลัม บอกว่า ทางการท่าอากาศยานยังจะเสนอให้ตั๋วฟรีเพิ่มเติมอีก 80,000 ใบสำหรับแจกจ่ายแก่ผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรในฮ่องกง และอีก 80,000 ใบสำหรับผู้คนซึ่งกำลังพำนักอาศัยอยู่ในส่วนอื่นๆ ของเกรทเตอร์ เบย์ แอเรีย (Greater Bay Area) เพื่อใช้เดินทางไปต่างประเทศในช่วงฤดูร้อนปีนี้
ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการท่องเที่ยวของฮ่องกงแถลงว่า ทางสำนักงานจะแจกฟรีคูปองมูลค่าใบละสูงกว่า 100 ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 425 บาท) จำนวนอย่างน้อยที่สุด 1 ล้านใบ ให้แก่พวกนักท่องเที่ยวเพื่อใช้ในการซื้อเครื่องดื่ม อาหาร ค่าสินค้าชอปปิ้ง และค่าเดินทาง
จากการผ่อนปรนกฎเกณฑ์เรื่องโควิดในช่วงหลังๆ มานี้ ทำให้จำนวนผู้เดินทางมาเยือนดีดตัวสูงขึ้นเป็น 605,000 คนในปีที่แล้ว จากที่มีเพียงแค่ 91,000 คนในปี 2021 ทั้งนี้เมื่อปี 2019 ก่อนหน้าโรคระบาดใหญ่ นครแห่งนี้รับรองผู้มาเยือนเป็นจำนวนสูงถึง 56 ล้านคน ส่วนใหญ่ที่สุดมาจากแผ่นดินใหญ่
ในวันที่ 8 มกราคมปีนี้ ฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ได้รื้อฟื้นให้กลับมาเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างกันได้แบบไม่ต้องมีการกักกันโรคอีกครั้งหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมา มีผู้เดินทางมากกว่า 700,000 คนไปแผ่นดินใหญ่ ขณะที่กว่า 600,000 คนข้ามมาฮ่องกง ถึงแม้มีรายงานว่านักท่องเที่ยวชาวจีนบางรายเลือกที่จะไปมาเก๊า แทนที่จะมาเยือนฮ่องกง เนื่องจากพวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงไม่ต้องตรวจเชื้อโควิดแบบ PCR ก่อนออกเดินทาง
จอห์น ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฮ่องกง กล่าวในวันอังคาร (31 ม.ค.) เขามีความมั่นใจว่าข้อกำหนดเรื่องให้ผู้เดินทางจากแผ่นดินใหญ่ต้องแสดงผลตรวจ PCR จะมีการยกเลิกไปในเร็ววัน
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=J9rUwN4TTIk)
นอกเหนือจากมุ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้ว แคมเปญรณรงค์ “เฮลโล ฮ่องกง” ยังมีจุดมุ่งหมายที่จะบอกเล่าเรื่องราวเชิงบวกเกี่ยวกับจีนและฮ่องกง ด้วยความหวังที่จะโน้มน้าวให้พวกที่เดินทางอพยพออกไปจากฮ่องกง หวนกลับมาอย่างน้อยก็บางคน ทั้งนี้ ตามการเปิดเผยของรัฐบาลเขตบริหารพิเศษแห่งนี้
ตามตัวเลขประชากรในฮ่องกง ในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่สิ้นสุด ณ กลางปี 2022 มีคนฮ่องกงเดินทางออกสุทธิเป็นจำนวน 230,000 คน ซึ่งถือเป็นการสร้างสถิติใหม่ทีเดียว
ขณะที่สำนักงานกระทรวงมหาดไทยสหราชอาณาจักรแถลงเมื่อวันพุธ (1 ก.พ.) ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2021 เป็นต้นมา ได้ต้อนรับชาวฮ่องกงเข้าไปพำนักอาศัยโดยผ่านโครงการพลเมืองสัญชาติสหราชอาณาจักร (โพ้นทะเล) หรือ British National (Overseas) citizenship scheme เป็นจำนวน 144,500 คน
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://twitter.com/ukhomeoffice/status/1620478885086515206)
ทางด้านกลสุลใหญ่สหรัฐฯ เกรกอรี เมย์ (Gregory May) แถลงในวันที่ 25 มกราคมว่า มีชาวอเมริกันซึ่งเป็นผู้มีถิ่นพำนักอาศัยในฮ่องกง จำนวน 15,000 คน หรือราว 20% ของทั้งหมด อพยพโยกย้ายออกไปจากฮ่องกงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เขาแสดงความกังวลเรื่องความตกต่ำของเสรีภาพทางวิชาการ และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น—ทางสื่อมวลชนและอื่นๆ ในนครแห่งนี้ สืบเนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://hk.usconsulate.gov/n-2023012501/)
ปรากฏว่าความคิดเห็นเช่นนี้ของเขาสร้างความไม่พอใจให้แก่ทางการฮ่องกง โดยรัฐบาลฮ่องกงออกมาประณามอย่างแข็งกร้าวสำหรับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็น “การแสดงความคิดเห็นอย่างไม่มีความเป็นจริง การให้ร้าย และการป้ายสี” ของ เมย์
รัฐมนตรีพาณิชย์ฮ่องกง อัลเจอนอน เหยา (Algernon Yau) แถลงว่า สถานีวิทยุและโทรทัศน์ฮ่องกง (Radio Television Hong Kong) ซึ่งเป็นสื่อด้านวิทยุและทีวีของทางการฮ่องกง สามารถช่วยเหลือให้ผู้คนทั้งที่อยู่ในฮ่องกงและในที่อื่นๆ มีความรอบรู้มากขึ้นเกี่ยวกับฮ่องกง
“ชาวต่างชาติซึ่งกำลังอาศัยอยู่ในฮ่องกง และพวกที่อยู่ในแผ่นดินใหญ่และในต่างแดน สามารถจะรอบรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดในเขตบริหารพิเศษแห่งนี้ และศักยภาพอันไม่มีขีดจำกัดของเขตนี้” เหยา บอก
การอพยพโยกย้ายออกไปจำนวนมากมายคราวนี้ ยังส่งผลให้เกิดที่ว่างในโรงเรียนประถมและโรงเรียนอนุบาลในฮ่องกง
ตามรายงานของสหพันธ์คนงานด้านการศึกษาแห่งฮ่องกง (Hong Kong Federation of Education Workers) ระบุว่า จากการสำรวจโรงเรียนอนุบาล 230 แห่งของพวกเขาพบว่า โรงเรียนเหล่านี้สูญเสียนักเรียนไปถึง 25% ในปีการศึกษานี้ สหพันธ์แห่งนี้เรียกร้องว่ารัฐบาลควรเพิ่มการอุดหนุนโรงเรียนพวกนี้ มิฉะนั้นโรงเรียนอนุบาลจำนวนมากจะต้องปิดตัวลง
ทางด้านสมาคมครูใหญ่โรงเรียนประถมที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลแห่งฮ่องกง (HK Aided Primary School Heads Association) แถลงว่าโรงเรียนประถมจำนวนมากรับนักเรียนได้น้อยลงในปีการศึกษานี้ ส่งผลให้โรงเรียนเหล่านี้ยังมีที่เรียนเหลืออยู่ 50% สมาคมกล่าวว่า จากการที่กระแสการอพยพออกไปอยู่ต่างแดนยังอาจจะดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง โรงเรียนบางแห่งจึงอาจจะต้องปิดตัวลง
