เด็กชายวัย 6 ขวบ ก่อเหตุยิงครูรายหนึ่งได้รับบาดเจ็บในวันศุกร์ (6 ม.ค.) ที่โรงเรียนประถมริชเนค ในเมืองนิวพอร์ท นิวส์ รัฐเวอร์จิเนีย จากการเปิดเผยของตำรวจ ก่อความตกตะลึงแก่บรรดาเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่ประกาศค้นหาคำตอบและป้องกันไม่เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง
ครูผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งมีอายุ 30 ปีเศษ อาการสาหัสเสี่ยงต่อการเสียชีวิต แม้ ณ ขณะนี้ อาการของเธอดีขึ้นมาบ้างแล้วระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล จากการเปิดเผยของสตรีฟ ดริว ผู้บัญชาการตำรวจ
ยังไม่มีคำชี้แจงเพิ่มเติมว่าเด็กอายุแค่ 6 ขวบได้ปืนสั้นมาได้อย่างไร ในขณะที่ตำรวจให้คำจำกัดความเหตุการณ์นี้ว่าเหตุทะเลาะวิวาทในห้องเรียนชั้นปฐมวัย ผลก็คือมีการลั่นไกออกมา 1 นัด
"มันไม่ใช่เหตุยิงกันจากอุบัติเหตุ" ดริวกล่าว ก่อนบอกต่อว่า "ผมต้องการทราบว่าอาวุธปืนนั้นมาจากไหน"
ผู้บัญชาการตำรวจรายนี้เผยว่าเด็กอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ ไม่มีนักเรียนคนอื่นได้รับบาดเจ็บ ทั้งหมดถูกพาตัวไปโรงยิมแห่งหนึ่งเพื่อความปลอดภัย และมีบรรดาที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิตเข้าดูแล
"เด็กๆ ปลอดภัยดี เด็กๆ ได้พูดคุยสื่อสารกับพวกเจ้าหน้าที่และเล่นสนุกกัน แตะมือทำไฮไฟว์และเหย้าแหย่กัน" ดรูว์กล่าว และบอกต่อว่าในเวลาต่อมา ได้ส่งตัวเด็กนักเรียนกลับสู่อ้อมอกผู้ปกครอง ภายใต้มาตรการคุ้มกันของทางโรงเรียน
ฟิลิป โจนส์ นายกเทศมนตรีนิวพอร์ทบอกกับผู้สื่อข่าวว่า "ตอนนี้ยังคงเร็วเกินไป แต่สิ่งที่ผมจะบอกกับคุณคือมันจะเป็นรายงานหลังปฏิบัติการฉบับสมบูรณ์ ไม่ใช่แค่รายงานเบื้องต้นจากสภาเมือง ร่วมด้วยคณะกรรมการบริหารโรงเรียนและอื่นๆ แต่เรารับประกันว่าเราจะมีมาตรการและนโยบายที่เหมาะสมต่างๆ เพื่อรับประกันว่าเรื่องลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำรอย"
ด้าน จอร์จ พาร์เกอร์ ผู้อำนวยการโรงเรียน คร่ำครวญกรณีที่ว่าพวกครูผู้สอนไม่มีอำนาจที่จะกันปืนออกห่างจากโรงเรียน และบอกว่าเขารู้สึกช็อกและท้อแท้เป็นอย่างมาก "เราต้องการกันปืนออกห่างจากมือของเด็กตัวน้อยๆ ของเรา" พาร์เกอร์กล่าว "แต่เราไม่สามารถควบคุมการเข้าถึงอาวุธ คณะครูของผมก็ไม่สามารถควบคุมการเข้าถึงอาวุธ"
พาร์เกอร์ กล่าวต่อว่า ทุกสถาบันการศึกษาติดตั้งอุปกรณ์ค้นหาตรวจจับโลหะแบบสุ่ม แต่มันไม่ได้ถูกใช้งานที่โรงเรียนประถมริชเนค ในวันเกิดเหตุ
สหรัฐฯ เพิ่งประสบโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่จากการกราดยิงเมื่อพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยเป็นเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในรัฐเท็กซัส ทำให้นักเรียนเสียชีวิต 19 ราย และครูเสียชีวิต 2 ราย
ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนประมาณ 44,000 รายในสหรัฐฯ โดยครึ่งหนึ่งเกิดจากการฆาตกรรม อุบัติเหตุ และการป้องกันตัว และอีกครึ่งหนึ่งเป็นการฆ่าตัวตาย ตามข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ Gun Violence Archive.
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเจนซี)