กลุ่มพันธมิตรของสายการบิน และสนามบินทั่วยุโรปออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในวันพฤหัสบดี (5 ม.ค.) ถึงคำแนะนำใหม่ๆ ของทางการอียู ที่เรียกร้องให้ออกมาตรการบังคับผู้โดยสารซึ่งเดินทางจากจีนไปยุโรป ต้องแสดงผลตรวจโควิดว่าเป็นลบก่อนที่จะขึ้นเครื่องบิน ขณะเดียวกัน ก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าหน่วยงานอียูซึ่งแนะนำมาตรการดังกล่าวนี้ไม่ได้เป็นพวกผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และสาธารณสุขโดยตรง ขณะที่หน่วยงานซึ่งมีหน้าที่ต่อสู้โรคระบาดแท้ๆ กลับไม่เอาด้วยกับเรื่องนี้
พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลของสหภาพยุโรปมีมติรับรองคำแนะนำชุดใหม่นี้เมื่อวันพุธ (4) ในเวลาเดียวกับที่ทางการจีนวางแผนผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทาง ท่ามกลางการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19
ในวันพฤหัสบดี (5) สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) กลุ่มพันธมิตรสายการบินเพื่อยุโรป (A4E) และสภาท่าอากาศยานระหว่างประเทศยุโรป (ACI Europe) ออกคำแถลงร่วมกล่าวว่า “เคสผู้ป่วยโควิด-19 ที่พุ่งสูงอยู่เวลานี้ในประเทศจีน ไม่ได้เป็นที่คาดหมายกันว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ด้านการระบาดวิทยาในอียู/อีอีเอ (European Economic Area เขตเศรษฐกิจยุโรป)” นอกจากนั้น ข้อเสนอแนะเหล่านี้ยังขัดแย้งกับการประเมินก่อนหน้านี้ของศูนย์เพื่อการป้องกันและการป้องกันโรคแห่งยุโรป (ECDC)
ทั้งนี้ ECDC ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหภาพยุโรปที่มีภารกิจในการเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่การต่อสู้ป้องกันโรคติดเชื้อในยุโรป ระบุเมื่อช่วงสิ้นปี 2022 ว่า พลเมืองของอียูนั้นมีระดับการฉีดวัคซีนค่อนข้างสูง ขณะที่โอกาสซึ่งโรคโควิดจะระบาดจากภายนอกเข้ามาในยุโรปนั้นอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับการติดเชื้อรายวันในอียูเองในเวลานี้ ซึ่งระบบดูแลสุขภาพของสหภาพยุโรปกำลังรับมืออยู่
จนกระทั่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ECDC ยังคงมีความเห็นเช่นนี้อยู่ โดยออกมาแถลงในวันอังคาร (3) ว่า สถานการณ์ด้านการระบาดวิทยาในอียู/อีอีเอ จะไม่ได้รับผลกระทบจากจำนวนเคสที่พุ่งพรวดในประเทศจีน สืบเนื่องจากประชากรของอียูมีภูมิคุ้มกันในระดับสูง
“ตัวกลายพันธุ์ต่างๆ (ของโรคโควิด-19) ที่กำลังแพร่ลามอยู่ในประเทศจีนเวลานี้ ต่างก็กำลังแพร่ลามในอียูอยู่แล้ว และด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้เป็นปัญหาท้าทายต่อการตอบโต้ทางด้านภูมิคุ้มกันของประชากรอียู/อีอีเอ นอกจากนั้น พลเมืองของอียู/อีอีเอก็ได้รับภูมิคุ้มกันและได้รับวัคซีนกันในระดับค่อนข้างสูงอยู่แล้ว” ECDC บอก
แต่ถึงแม้หน่วยงานผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคติดเชื้อของยุโรปอย่าง ECDC มีท่าทีไม่เห็นด้วยกับการออกมาตรการจำกัดควบคุมนักเดินทางที่มาจากจีน ในวันอังคาร (3) คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของอียู ยังคงแถลงว่าชาติสมาชิกสหภาพยุโรปส่วนใหญ่ต้องการให้ใช้มาตรการคุมเข้มผู้เดินทางมาจากแดนมังกร แล้วจากนั้นในวันพุธ (4) กลุ่มรับมือวิกฤตการณ์ทางการเมืองแบบบูรณาการ (IPCR) ของสหภาพยุโรป ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ที่มาจากรัฐบาล 27 รัฐสมาชิกของอียู มีมติออกคำแนะนำหลังประชุมกันว่า ควรต้องให้ผู้โดยสารซึ่งบินจากจีนเข้าอียู แสดงผลตรวจโควิดว่าเป็นลบก่อนที่พวกเขาจะขึ้นเครื่องบิน นอกจากนั้น ยังเรียกร้องให้ใช้มาตรการเพิ่มเติม เช่น ตรวจและแยกลำดับทางพันธุกรรมจากน้ำเสียบนเครื่องบินซึ่งเดินทางมาจากจีน และ ณ ท่าอากาศยานที่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศขึ้นลง
“ขณะที่มันเป็นเรื่องน่าเสียใจที่คำแนะนำซึ่ง (ที่ประชุม IPCR) เห็นชอบเมื่อวานนี้ (4) ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในลักษณะของการแสดงปฏิกิริยาตอบโต้อย่างฉับพลันโดยไม่ทันยั้งคิด แต่เวลานี้สิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งก็คือบรรดารัฐสมาชิกอียูควรต้องปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างพร้อมเพรียงกันเต็มที่” คำแถลงร่วมของกลุ่มพันธมิตรสายการบินและท่าอากาศยานในยุโรปบอก
กลุ่มพันธมิตร IATA-A4E-ACI Europe กล่าวด้วยว่า พวกเขาคาดหวังว่าอียูจะมีการประเมินทบทวนคำแนะนำนี้กันใหม่ภายในกลางเดือนมกราคมนี้ ทั้งนี้ IATA เป็นตัวแทนสายการบิน 300 แห่งที่รองรับการเดินทางทางอากาศ 83% ทั่วโลก ขณะที่ A4E เป็นสมาคมสายการบินใหญ่ที่สุดในอียู โดยที่สมาชิกของสมาคมนี้เป็นผู้ให้บริการการสัญจรทางอากาศราว 70% ของยุโรป ส่วน ACI Europe เป็นตัวแทนท่าอากาศยานกว่า 500 แห่งใน 55 ประเทศ โดยที่สมาชิกของสมาคมนี้เป็นผู้อำนวยความสะดวกให้แก่การสัญจรทางอากาศเชิงพาณิชย์ในยุโรปกว่า 90%
เฉพาะ IATA เมื่อวันพุธ (4) วิลลี่ วอลช์ ผู้อำนวยการใหญ่ของสมาคม ยังได้ออกคำแถลงวิพากษ์วิจารณาการตัดสินใจของรัฐบาลหลายๆ ประเทศที่บังคับให้นักเดินทางจากจีนต้องผ่านการทดสอบหาเชื้อโควิด โดยบอกว่า เป็นเรื่องน่าผิดหวังอย่างที่สุดที่หลายประเทศฟื้นมาตรการจำกัดการเดินทางซึ่งอยู่ในลักษณะของการแสดงปฏิกิริยาตอบโต้อย่างฉับพลันโดยไม่ทันยั้งคิด ทั้งที่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มาตรการเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไร้ผล
คำแถลงของ IATA ยังโต้แย้งว่า ความเป็นจริงในเวลานี้ เชื้อไวรัสโคโรนามีการระบาดอย่างกว้างขวางอยู่แล้วในประเทศที่ฟื้นมาตรการจำกัดการเดินทางเหล่านี้
นอกจากนั้น วอลช์ สำทับว่า การวิจัยที่จัดทำขึ้นหลังการอุบัติของสายพันธุ์โอมิครอนเมื่อปลายปี 2021 ได้ข้อสรุปว่า การปิดกั้นการเดินทางไม่ได้ทำให้เกิดผลใดๆ กับเรื่องการไปถึงจุดสูงสุดในการระบาด นอกจากนี้ ทั่วโลกยังมีเครื่องมือจัดการโควิดโดยไม่ต้องพึ่งมาตรการที่ไร้ประสิทธิภาพนี้ที่จะตัดความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างประเทศ ทำลายเศรษฐกิจและการจ้างงาน
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, EURACTIV.com, วิกิพีเดีย)