ราคาน้ำมันทรงตัวในวันอังคาร (27 ธ.ค.) หลังโรงกลั่นในสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากพายุหิมะ สามารถกลับมาเปิดปฏิบัติการได้อีกครั้ง ส่วนวอลล์ตรีทผสมผสาน จากข้อมูลทางเศรษฐกิจของอเมริกา ขณะที่ทองคำปรับขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 3 เซนต์ ปิดที่ 79.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 2.94 ดอลลาร์ ปิดที่ 83.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
โรงกลั่นต่างๆ ตามแนวชายฝั่งอ่าวเริ่มกลับมาปฏิบัติการได้อีกครั้งและยกระดับกำลังผลิต หลังกระแสลมอาร์กติกฉุดอุณหภูมิดำดิ่งต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ทำไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลกระทบต่อโรงกลั่นหลายแห่งตามแนวชายฝั่งอ่าว
นอกจากนี้ สภาพอากาศหนาวเหน็บยังกัดเซาะกำลังผลิตน้ำมันและก๊าซ ไล่ตั้งแต่รัฐนอร์ทดาโคตา ไปจนถึงเทกซัส
ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากความเคลื่อนไหวของจีนที่จะหยุดบังคับกักโรคโควิด-19 นักเดินทางขาเข้า เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมเป็นต้นไป ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในการมุ่งหน้าสู่การผ่อนปรนมาตรการควบคุมชายแดน ซึ่งถูกปิดตายเป็นส่วนใหญ่มาตั้งแต่ปี 2020
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานในวันอังคาร (27 ธ.ค.) หลังอเมริกาเผยแพร่ข้อมูลทางเศรษฐกิจในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์ของช่วงเทศกาลวันหยุด
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 37.63 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 33,241.56 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 15.57 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,829.25 จุด แนสแดค ลดลง 144.64 จุด (1.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,353.23 จุด
ข้อมูลทางเศรษฐกิจของอเมริกา พบว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าดีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ลดลงเหลือ 83,350 ล้านดอลลาร์ จากระดับ 98,800 ล้านดอลลาร์ในเดือนก่อนหน้านี้ แต่ขณะเดียวกัน ข้อมูลอีกด้านบ่งชี้ถึงภาวะง่อนแง่นของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ราคาบ้านลดต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร (27 ธ.ค.) ปรับขึ้น ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังจีนตัดสินใจผ่อนปรนข้อจำกัดสกัดโควิด-19 โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 18.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,823.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)