ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียสนับสนุนข้อเสนอของรัฐมนตรีกลาโหมในการเพิ่มขนาดกองทัพรัสเซียขึ้นอีกกว่า 30% พร้อมย้ำว่ามอสโกจำเป็นต้อง “เรียนรู้” และ “แก้ไข” ปัญหาต่างๆ ที่เผชิญในยูเครน ขณะเดียวกัน เรียกร้องทุกฝ่ายอย่าโทษรัสเซียว่าเป็นผู้ก่อสงคราม ยันเห็นชาวยูเครนเป็น “พี่น้อง” เสมอ
ระหว่างการประชุมนายทหารระดับสูงในช่วงปลายปีวานนี้ (21 ธ.ค.) เซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้เสนอให้มีการเพิ่มกำลังพลในกองทัพรัสเซียขึ้นจาก 1.15 ล้านนาย เป็น 1.5 ล้านนาย “เพื่อรับประกันว่าปัญหาต่างๆ ในด้านความมั่นคงทางทหารจะได้รับการแก้ไข”
เขาระบุด้วยว่า ทหารที่ออกรบแนวหน้า 695,000 นาย ควรจะเป็น “ทหารอาชีพที่ทำสัญญาจ้าง” ไม่ใช่ทหารกองหนุนที่เกณฑ์มารับใช้ชาติชั่วคราว
เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา ปูติน ได้ลงนามกฤษฎีกาเพิ่มจำนวนทหารในกองทัพรัสเซียอีก 137,000 นาย สู่ระดับ 1.15 ล้านนายตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ปี 2023 เป็นต้นไป และยังเรียกระดมพลบางส่วนเพื่อเกณฑ์ทหารกองหนุนอีกกว่า 300,000 นายเข้าทำสงครามในยูเครน
สหรัฐฯ และนักวิเคราะห์ด้านการทหารของตะวันตกประเมินว่า รัสเซียสูญเสียกำลังพลไปแล้ว “หลายหมื่นนาย” จากการทำสงครามรุกรานยูเครนในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่มอสโกยืนยันตัวเลขทหารที่เสียชีวิตอย่างเป็นทางการล่าสุด 5,937 นาย เมื่อวันที่ 21 ก.ย.
ชอยกู ยังเสนอให้มีการปรับอายุเกณฑ์ทหารสำหรับชายฉกรรจ์ชาวรัสเซียจาก 18-27 ปีในปัจจุบัน เพิ่มเป็น 21-30 ปี แม้ทั้งเขาและปูติน จะเคยออกมาย้ำหลายครั้งว่าทหารเกณฑ์เหล่านี้ไม่ได้ถูกส่งไปรบในยูเครนก็ตาม
ผู้นำรัสเซียระบุว่าตน “เห็นด้วย” กับข้อเสนอของ ชอยกู และยืนยันว่ารัฐบาล “ไม่มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ” ที่จะใช้สำหรับจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์
“เราไม่มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ ประเทศและรัฐบาลพร้อมที่จะจัดหาทุกสิ่งทุกอย่างตามที่กองทัพเรียกร้อง” ปูติน กล่าว
เขายอมรับอีกครั้งหนึ่งว่า คำสั่งเรียกเกณฑ์กำลังพลสำรอง 300,000 นายเมื่อเดือน ก.ย. “ไม่ราบรื่น” อย่างที่คิด
“การเรียกระดมพลบางส่วนก่อให้เกิดปัญหาบางประการอย่างที่ทุกท่านก็ทราบดี และจำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม”
ปูติน ย้ำว่า เขา “ไม่เคยเสียใจ” ที่สั่งให้กองทัพรัสเซียเปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน และอ้างว่ารัสเซีย “ไม่มีทางเลือกอื่น” นอกจากลุกขึ้นสู้กับความก้าวร้าวของชาติตะวันตก
ปูติน บอกด้วยว่า เขายังคงมองชาวยูเครนเป็น “พี่น้อง” เสมอ แม้ว่าสงครามที่รัสเซียก่อขึ้นจะทำให้คนยูเครนนับหมื่นต้องบาดเจ็บล้มตาย และอีกนับล้านๆ ต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัยสงครามก็ตาม
“แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นโศกนาฏกรรม และเป็นโศกนาฏกรรมร่วมระหว่างเรา แต่มันไม่ใช่ผลพวงจากนโยบายของรัสเซีย” ปูติน กล่าว
“ตรงกันข้าม... นี่คือผลลัพธ์จากนโยบายของประเทศอื่นๆ กลุ่มประเทศที่ 3 ซึ่งพยายามวางแผนให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาตลอด และต้องการทำให้โลกของคนเชื้อสายรัสเซียแตกแยกกันเอง ซึ่งจะว่าไปพวกเขาก็ทำสำเร็จอยู่บ้างเหมือนกัน และบีบให้เราต้องเดินมาถึงจุดนี้”
ที่มา : รอยเตอร์
