ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกในวันพุธ (21 ธ.ค.) บอกว่าเขา "มีความกังวลอย่างมาก" เกี่ยวกับระลอกการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างที่เคยปรากฏมาก่อนในจีน ขณะที่หน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศแห่งนี้เร่งเร้าปักกิ่ง เร่งฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มคนที่อ่อนแอที่สุด
"องค์การอนามัยโลกมีความกังวลอย่างมากต่อสถานการณ์ที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในจีน ด้วยมีรายงานพบเคสติดเชื้ออาการรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ" ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าวระหว่างแถลงข่าวรายสัปดาห์ พร้อมร้องขอข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับความรุนแรงของโรค การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และเคสป่วยหนักถึงขั้นต้องเข้าห้องไอซียู
เขากล่าวต่อว่า "องค์การอนามัยโลกสนับสนุนจีน ให้มุ่งเน้นความพยายามฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงสูงสุดทั่วประเทศ และเราจะเดินหน้ามอบแรงสนับสนุนของเราสำหรับการดูแลทางคลินิก และปกป้องระบบสาธารณสุขของพวกเขา"
นับตั้งแต่ปี 2020 จีนกำหนดข้อจำกัดทางสาธารณสุขอันเข้มงวด ส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่านโยบายโควิดเป็นศูนย์
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยกเลิกมาตรการต่างๆ เหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่ง โดยปราศจากการแจ้งล่วงหน้าในช่วงต้นเดือนตุลาคม ท่ามกลางความโกรธเคืองที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ของประชาชน และผลกระทบหนักหนาสาหัสที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ
นับตั้งแต่นั้นเคสผู้ติดเชื้อก็พุ่งทะยาน โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับอัตราการเสียชีวิตในระดับสูงในกลุ่มคนสูงวัย ซึ่งมีความอ่อนแออย่างยิ่งต่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
เจ้าหน้าที่จีนระบุในวันอังคาร (20 ธ.ค.) ว่าต่อไปนี้มีเพียงผู้เสียชีวิตโดยตรงจากภาวะหายใจล้มเหลวอันมีต้นตอจากไวรัสเท่านั้นที่จะถูกนับรวมในสถิติการเสียชีวิตจากโควิด-19
การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ดังกล่าวสำหรับเคสผู้เสียชีวิตจากไวรัส เท่ากับว่าการเสียชวิตจากโควิด-19 ส่วนใหญ่จะไม่ถูกนับอีกต่อไป และจีนเปิดเผยในวันพุธ (21 ธ.ค.) ว่าไม่พบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายใหม่แม้แต่รายเดียวในวันอังคาร (20 ธ.ค.)
ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการแผนกสถานการณ์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก เน้นย้ำถึงความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพิ่มเติม "เราพูดในเรื่องนี้มานานหลายสัปดาห์ว่าไวรัสที่แพร่เชื้อง่ายมากๆ นี้ เป็นเรื่องยากมากที่จะหยุดลงโดยสิ้นเชิงกับเพียงแค่มาตรการทางสาธารณสุขและมาตรการทางสังคม"
"และประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่เปลี่ยนไปใช้ยุทธศาสตร์ผสมผสานอย่างจริงจัง วัคซีนเป็นยุทธศาสตร์ทางออกที่สมเหตุสมผล จากผลกระทบของระลอกการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์โอมิครอน" ไรอัน กล่าว
(ที่มา : เอเอฟพี)