โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครน ถูกยิงปืนใหญ่ถล่มในวันอาทิตย์ (20 พ.ย.) เหตุการณ์ที่เรียกเสียงประณามจากหน่วยงานเฝ้าระวังทางนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ ซึ่งระบุว่า การโจมลักษณะดังกล่าวเสี่ยงก่อหายนะทางนิวเคลียร์ครั้งใหญ่
เกิดเหตุระเบิดตูมสนั่นหวั่นไหวหลายสิบรอบ สั่นสะเทือนโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของยุโรปแห่งนี้ เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ (19 พ.ย.) ต่อเนื่องจนถึงวันอาทิตย์ (20 พ.ย.) จากการเปิดเผยของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเอเออี) ในขณะที่ทั้งมอสโกและเคียฟต่างกล่าวโทษกันไปมาต่อเหตุโจมตีดังกล่าว
"ข่าวจากคณะทำงานของเราเมื่อวานนี้และเช้าวันนี้ มันน่ากระวนกระวายใจอย่างมาก" ราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการไอเอดีเอกล่าว "เหตุระเบิดเกิดขึ้น ณ ที่ตั้งของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์หลักแห่งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้โดยสิ้นเชิง ใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังต้องหยุดในทันที อย่างที่ผมเคยพูดมาหลายครั้งแล้ว คุณกำลังเล่นกับไฟ"
อ้างข้อมูลที่ได้รับจากผู้บริหารโรงงาน คณะทำงานของไอเออีเอในภาคสนาม เผยว่า เกิดความเสียหายกับอาคารบางส่วน ระบบและเครื่องไม้เครื่องมือบางอย่างภายในโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งนี้ อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ เหล่านั้นไม่มีความสำคัญในด้านความมั่นคงและความปลอดภัยทางนิวเคลียร์
การยิงปืนใหญ่โจมตีซ้ำๆ ใส่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งนี้ที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของยูเครน ซึ่งรัสเซียเข้าควบคุมไม่นานหลังจากเปิดฉากรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ ได้ก่อความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของอุบัติเหตุร้ายแรง ณ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่เกิดอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ครั้งเลวร้ายที่สุดของโลก "เหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลปี 1986" ไปแค่ราวๆ 500 กิโลเมตร
โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ผลิตไฟฟ้าป้อนแก่ยูเครนราวๆ 1 ใน 5 ก่อนรัสเซียเปิดฉากรุกรานในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ แม้ได้มีการปิดเตาปฏิเสธไปแล้ว แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ร้อนเกินไป หากว่าพลังงานที่จ่ายป้อนขับเคลื่อนระบบหล่อเย็นถูกตัดขาด ทั้งนี้ ความกังวลดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเหตุโจมตีได้ก่อปัญหาไฟฟ้าดับรอบแล้วรอบเล่า
ทั้งเคียฟ และมอสโกต่างกล่าวหากันไปมา เกี่ยวกับเหตุโจมตีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งนี้หลายต่อหลายครั้งท่ามกลางวิกฤตความขัดแย้ง และความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ และหนนี้เป็นอีกครั้งที่พวกเขากล่าวโทษอีกฝ่ายในเหตุการณ์วันอาทิตย์ (20 พ.ย.)
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ยูเครนยิงปืนใหญ่ใส่สายไฟที่ป้อนโรงงาน ส่วนทาสส์นิวส์ รายงานว่า ยูเครนยิงปืนใหญ่ก่อความเสียหายบางส่วนแก่คลังจัดเก็บของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยอ้างอิงคำสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของ Rosenergoatom ผู้ปฏิบัติการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รัสเซีย
"พวกเขาไม่ใช่แค่ยิงปืนใหญ่เมื่อวานนี้ แต่รวมไปถึงวันนี้ด้วย ตอนนี้พวกเขากำลังยิงปืนใหญ่" เรนัต คาร์ชา ที่ปรึกษาของซีอีโอของ Rosenergoatom กล่าว พร้อมระบุว่า เหตุโจมตีด้วยปืนใหญ่ใดๆ เสี่ยงเป็นภัยคุกคามความปลอดภัยทางนิวเคลียร์
คาร์ชา เผยว่ากระสุนปืนใหญ่ตกใกลกับโรงเก็บกากนิวเคลียร์แห่งหนึ่ง และอาคารที่เป็นคลังเก็บเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว แต่เวลานี้ยังไม่ตรวจพบมลพิษกัมมันตภาพรังสี
ส่วน Energoatom บริษัทพลังงานนิวเคลียร์ของยูเครน กล่าวหากองทัพรัสเซียยิงปืนใหญ่ใส่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งนี้ และบอกว่ามีโครงสร้างพื้นฐานของโรงไฟฟ้าอย่างน้อย 12 จุดที่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ พวกเขาอ้างด้วยว่ารัสเซียเล็งเป้าหมายถล่มโครงสร้างที่จำเป็นสำหรับการกลับมาเปิดปฏิบัติการของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ ในความพยายามจำกัดอุปทานทางพลังงานของยูเครนเพิ่มเติม
(ที่มา : รอยเตอร์)