ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันอังคาร (8 พ.ย.) เรียกร้องวอชิงตันคงความเป็นหนึ่งเดียวกัน หลังมีคำถามโผล่ขึ้นมาเกี่ยวกับแรงสนับสนุนของอเมริกาที่มีต่อยูเครน ตามหลังศึกเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินว่าพรรคใดจะเป็นฝ่ายควบคุมสภาคองเกรสสหรัฐฯ
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญ ทั้งจัดหาอาวุธและมอบแรงสนับสนุนทางการเงินแก่ยูเครนในการทำสงครามต้านทานการรุกรานของรัสเซีย เร่งเร้าบรรดาผู้มีสิทธิออกเสียงให้โหวตเลือกพรรคเดโมแครต ทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
แต่หากสูญเสียเสียงข้างมากทั้งใน 2 สภา ไบเดนจะเหลือทางเดินไม่มากนักไม่ต่างจากเป็ดง่อย และก่อข้อสงสัยว่าสหรัฐฯ จะเดินหน้าให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มกำลังต่อไปหรือไม่
"ผมเรียกร้องพวกคุุณให้คงความเป็นหนึ่งเดียวกันไม่เปลี่ยน ดังเช่นตอนนี้ จนกว่าจะถึงวันนั้น วันที่เราทุกคนได้ยินคำพูดสำคัญๆ เหล่านั้นที่เราฝันมาตลอด จนกว่าเราจะได้ยินคำว่า ท้ายที่สุดก็สามารถกอบกู้สันติภาพคืนมาได้แล้ว" เซเลนสกี กล่าวปราศรัยที่บันทึกไว้ล่วงหน้า ระหว่างรับเหรียญเสรีภาพของสหรัฐฯ
"ประชาธิปไตยไม่ควรหยุดหนทางในการมุ่งหน้าสู่ชัยชนะ เช่นเดียวกับสังคมประชาธิปไตยอื่นๆ ยูเครนมีมุมมองในวิถีชีวิตและการเมืองต่างออกไป" เซเลนสกีกล่าว "แต่เมื่อรัสเซียตัดสินใจทำลายเสรีภาพของเราและกำจัดยูเครนออกจากพื้นผิวโลก เราต้องเป็นหนึ่งเดียวกันในทันทีและเราต้องสานต่อความสามัคคีนี้"
ในวันเดียวกันนั้น ลินดา โธมัส กรีนด์ฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ได้พบปะกับเซเลนสกี ในกรุงเคียฟ
ระหว่างการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการพบปะหารือ โธมัส กรีนด์ฟิลด์ บอกว่า สหรัฐฯ มองเห็นแรงสนับสนุนจากทั้ง 2 พรรคสำหรับยูเครน และไบเดน "รับปากว่าจะเดินหน้าทำงานกับสภาคองเกรสเพื่อสานต่อในสิ่งนี้"
นอกจากนี้ เธอยังได้แถลงมอบเงินช่วยเหลือจากองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development - USAID) เพิ่มเติมอีก 25 ล้านดอลลาร์ สำหรับสนับสนุนประชาชนกลุ่มอ่อนแอในยูเครนระหว่างฤดูหนาวรุนแรง ในขณะที่รัสเซียยังคงดาหน้ายิงถล่มโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานทั่วประเทศ
ในเดือนพฤษภาคม สภาคองเกรสสหรัฐฯ สัญญาจะมอบเงินช่วยเหลือ 40,000 ล้านดอลลาร์แก่ยูเครน ภายใต้แรงสนับสนุนจากทั้ง 2 พรรค และรัฐมนตรีกลาโหมของยูเครนในสัปดาห์นี้ กล่าวขอบคุณอเมริกา หลังจากเคียฟได้รับมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม
(ที่มา : เอเอฟพี)