ลอยด์ ออสติน รัฐมตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศเมื่อปลายสัปดาห์ ว่า การโจมตีทางนิวเคลียร์ใดๆ ของเกาหลีเหนือ ต่ออเมริกาหรือพันธมิตร จะเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และนำมาซึ่งจุดจบของระบอบคิม
คำเตือนนี้มีขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้กำลังซ้อมรบร่วม กระตุ้นให้เปียงยางยิงขีปนาวุธตอบโต้เป็นชุดๆ ในนั้นรวมถึงขีปนาวุธข้ามทวีป
ออสติน ส่งสารคำเตือนในถ้อยแถลงร่วมกับ อี จองซุบ รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ ประกาศว่าสหรัฐฯ จะปกป้องเกาหลีใต้ โดยใช้ขอบเขตด้านศักยภาพป้องกันตนเองเต็มพิกัด ในนั้นรวมถึงแสนยานุภาพด้านนิวเคลียร์และอาวุธตามแบบ รวมถึงแสนยานุภาพการป้องกันขีปนาวุธและศักยภาพด้านอาวุธล้ำสมัยที่ไม่ใช่นิวเคลียร์
ในเอกสารที่เผยแพร่หลังจากพบปะกับ จองซุบ ทาง ออสติน เน้นว่าการโจมตีทางนิวเคลียร์ใดๆ ต่อสหรัฐฯ พันธมิตรหรือคู่หู ในนั้นรวมถึงอาวุธนิวเคลียร์ที่ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้และก่อจะผลลัพธ์คือจุดจบของระบอบคิม
ขณะเดียวกัน ยุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เน้นย้ำว่ายุทธศาสตร์ของวอชิงตันในด้านเกาหลีเหนือ คือทำให้เกาหลีเหนือตระหนักว่าไม่มีกรณีใดๆ ที่ระบอบคิมจะใช้อาวุธนิวเคลียร์แล้วอยู่รอด
กองทัพสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ อยู่ระหว่างการซ้อมรบร่วมที่เริ่มมาตั้งแต่วันอาทิตย์ (30 ต.ค.) ในนั้นเกี่ยวข้องกับเครื่องบินหลายร้อยลำ และทหารหน่วยรบหลายพันนายจาก 2 ประเทศ เกาหลีเหนือมองการซ้อมรบดังกล่าวว่าเป็นการยั่วยุและเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อการรุกราน
เกาหลีเหนือ ซึ่งยกระดับทดสอบขีปนาวุธเป็นชุดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ได้ตอบโต้การซ้อมรบด้วยการยิงปืนใหญ่ราว 100 นัด และขีปนาวุธแบบทิ้งตัว 6 ลูก ลงสู่ทะเลระหว่างคาบสมุทรเกาหลีและญี่ปุ่นในวันพุธ (2 พ.ย.) นอกจากนี้ เปียงยางยังทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปในตอนเช้าวันพฤหัสบดี (3 พ.ย.) ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017
สหรัฐฯ ร้องขอให้ทางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งประชาชาติเปิดประชุมตอบโต้พฤติกรรมของเกาหลีเหนือ และขยายการซ้อมรบร่วมออกไปจากกำหนดการเดิม ซึ่งเดิมทีมีกำหนดเสร็จสิ้นในวันศุกร์ (4 พ.ย.) เปียงยางเรียกมันว่าเป็นความผิดพลาดที่แย่มากและเป็นการตัดสินใจที่ไร้ความรับผิดชอบ
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)