xs
xsm
sm
md
lg

เดือดพล่าน!! โสมแดงยิงขีปนาวุธวันเดียว 23 ลูก ขณะเกาหลีใต้ตอบโต้ใช้เครื่องบินยิงอาวุธจากทางอากาศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพที่เผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ผ่านทางสำนักข่าวยอนฮัป แสดงให้เห็นเครื่องบินเอฟ-15 เค ของกองทัพอากาศโสมขาวลำหนึ่ง ยิงขีปนาวุธแบบจากอากาศสสู่ภาคพื้นไปทางตอนเหนือของชายแดนทางทะเลติดต่อกับเกาหลีเหนือ เมื่อวันพุธ (2 พ.ย.)
คาบสมุทรเกาหลีร้อนฉ่า หลังโสมแดงยิงขีปนาวุธอย่างมโหฬารถึง 23 ลูกเป็นอย่างน้อยเมื่อวันพุธ (2 พ.ย.) โดยมีลูกหนึ่งตกใกล้น่านน้ำเกาหลีใต้ ในระยะห่างจากชายฝั่งไม่ถึง 60 กิโลเมตร ซึ่งประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ระบุว่า เป็นการล่วงล้ำดินแดน ขณะเดียวกัน ทางด้านโซลก็ยิงขีปนาวุธตอบโต้กลับไป 3 ลูก นอกจากนั้น เปียงยางยังยิงปืนใหญ่อีกกว่า 100 นัดไปตกในเขตกันชนทางทะเล ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า โสมแดงดำเนินการตอบโต้อย่างแข็งกร้าวต่อการซ้อมรบทางอากาศขนาดใหญ่ระหว่างเกาหลีใต้กับอเมริกาที่ดำเนินอยู่ในเวลานี้

นับเป็นครั้งแรกที่มีขีปนาวุธแบบทิ้งตัว (ballistic missile) ของเกาหลีเหนือมาตกใกล้ๆ เขตน่านน้ำของฝ่ายใต้ นับตั้งแต่ที่คาบสมุทรเกาหลีถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ประเทศเมื่อปี 1945 ขณะเดียวกัน ก็ถือเป็นการยิงขีปนาวุธจำนวนมากที่สุดภายในเวลาวันเดียวของฝ่ายโสมแดง

ขีปนาวุธลูกนี้ตกลงที่ด้านนอกของน่านน้ำอาณาเขตของเกาหลีใต้ ทว่าล้ำเข้ามาทางใต้ของเส้นจำกัดเขตแดนตอนเหนือ (Northern Limit Line หรือ NLL) ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ในทางพฤตินัย ถึงแม้ยังคงมีข้อโต้แย้งที่ไม่ยอมรับกัน

ทางด้านเครื่องบินรบของเกาหลีใต้ได้ตอบโต้ ด้วยการยิงขีปนาวุธแบบยิงจากอากาศสู่ภาคพื้น ไปตกในทะเลทางด้านเหนือของเส้นเอ็นแอลแอล ฝ่ายทหารของโสมขาวแถลง ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งให้รายละเอียดว่า ขีปนาวุธที่ยิงตอบโต้ไปนั้น ลูกหนึ่งคือ AGM-84H/K SLAM-ER ซึ่งเป็นขีปนาวุธโจมตีผลิตในสหรัฐฯ ที่มีความแม่นยำและสามารถยิงจากระยะห่าง โดยที่มันสามารถบินเป็นระยะทางไกลถึง 270 กิโลเมตร และมีหัวรบหนัก 360 กิโลกรัม

เกาหลีใต้ยิงขีปนาวุธตอบโต้ หลังจากสำนักงานของประธานาธิบดียุนประกาศจะ “ตอบโต้อย่างรวดเร็วและหนักแน่น”

“ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล เห็นว่าการยั่วยุของเกาหลีเหนือในวันนี้เป็นพฤติการณ์ที่มีผลเป็นการล่วงล้ำดินแดน โดยมีขีปนาวุธลูกหนึ่งล้ำเส้นเอ็นแอลแอล เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการแบ่งแยก (สองเกาหลี)” สำนักงานของเขาระบุในคำแถลง

เจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบประธานาธิบดีโสมขาวผู้หนึ่ง เมื่อถูกผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ขีปนาวุธลูกดังกล่าวกำลังบินเข้ามายังดินแดนเกาหลีใต้ใช่หรือไม่ และควรที่จะถูกสกัดกั้นใช่ไหม เจ้าหน้าที่ผู้นั้นตอบว่า “เมื่อพูดกันอย่างเคร่งครัดแล้ว มันไม่ได้ตกในดินแดนของเรา และตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะภายใต้เขตอำนาจของเรา ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่ได้เป็นสิ่งที่จะต้องถูก (ระบบป้องกันขีปนาวุธของเกาหลีใต้) สกัดกั้น”

ขีปนาวุธลูกที่ข้ามเส้นเอ็นแอลแอล มานี้ เป็น 1 ในขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้จำนวน 3 ลูก ซึ่งยิงจากพื้นที่ชายฝั่งเมืองวอนซาน ของเกาหลีเหนือ เข้ามาในทะเล กองบัญชาการคณเสนาธิการทหารร่วม (เจซีเอส) ของเกาหลีใต้แถลง ทั้งนี้ เจซีเอสแถลงอีกว่า ในวันพุธ เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ 7 ลูก และขีปนาวุธประเภทอื่นๆ อีก 16 ลูก ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศ 6 ลูก นอกจากนั้น ยังยิงปืนใหญ่กว่า 100 นัดเข้าไปตกในเขตกันชนทางทหารที่จัดตั้งขึ้นในปี 2018 เพื่อลดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ

เจซีเอส ระบุว่า ขีปนาวุธอย่างน้อย 1 ลูก ตกล้ำเข้าทางใต้ของเส้นเอ็นแอลแอล ราว 26 กิโลเมตร โดยอยู่ห่างจากเมืองซอกโช ทางชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีใต้ราว 57 กิโลเมตร และห่างจากเกาะอุลเลือง ราว 167 กิโลเมตร โดยที่นั่นมีการส่งเสียงเตือนภัยทางอากาศเพื่อให้ประชาชนไปหลบภัยในบังเกอร์

ถึงแม้ผู้นำเกาหลีใต้ประกาศไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมอิแทวอน เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ทว่า โซลและวอชิงตันยังคงเดินหน้าซ้อมรบทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่วันจันทร์ (31 ต.ค.) ในชื่อรหัสว่า “วิจิแลนต์ สตรอม” โดยมีเครื่องบินรบหลายร้อยลำเข้าร่วมและมีการจำลองสถานการณ์ซึ่งมีการโจมตีตลอด 24 ชั่วโมง

ทางด้านเกาหลีเหนือ พัค จองชอน เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ แถลงวันพุธว่า จำนวนเครื่องบินรบในการซ้อมรบดังกล่าวฟ้องว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการกระทำที่ก้าวร้าวรุกรานและยั่วยุโดยพุ่งเป้าที่เกาหลีเหนือ และแม้แต่ชื่อปฏิบัติการยังเลียนแบบมาจากโอเปอเรชัน เดสเสิร์ต สตรอม ที่อเมริกาเป็นผู้นำบุกอิรักในทศวรรษ 1990

พัคสำทับว่า ถ้าอเมริกาและเกาหลีใต้พยายามใช้กองทัพต่อต้านเกาหลีเหนือโดยปราศจากความเกรงกลัวใดๆ กองทัพเกาหลีเหนือก็จะปฏิบัติภารกิจเชิงยุทธศาสตร์โดยปราศจากการลังเลเช่นเดียวกัน ซึ่งจะทำให้วอชิงตันและโซลต้องจ่ายด้วยราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์

ขณะที่ ชอง ซองชาง นักวิจัยของสถาบันเซจอง ในเกาหลีใต้ ระบุว่า การยิงขีปนาวุธระลอกล่าสุดของเกาหลีเหนือดูเหมือนเป็นการแสดงแสนยานุภาพทางทหารที่ก้าวร้าวและคุกคามมากที่สุดนับจากปี 2010 ทำให้สถานการณ์ในขณะนี้อันตรายและไร้เสถียรภาพซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางทหาร

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น