สหรัฐฯ และเกาหลีใต้เริ่มต้นปฏิบัติการซ้อมรบร่วมทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในวันนี้ (31 ต.ค.) โดยจะใช้เครื่องบินมากกว่า 200 ลำเพื่อจำลองปฏิบัติการโจมตีแบบต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ
กองทัพอากาศสหรัฐฯ แถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การฝึกซ้อมภายใต้รหัส “วิจจะเลินท์ สตอร์ม” (Vigilant Storm) จะมีอากาศยานของทั้ง 2 ฝ่ายเข้าร่วมประมาณ 240 ลำ และออกปฏิบัติภารกิจรวมทั้งสิ้นราวๆ 1,600 เที่ยว นับตั้งแต่วันนี้ (31) เรื่อยไปจนถึงวันศุกร์ที่ 4 ต.ค. ซึ่งถือเป็นจำนวนรอบภารกิจที่มากเป็นประวัติการณ์สำหรับการซ้อมรบดังกล่าว
รัฐบาลเปียงยางวิจารณ์การซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ว่ามีเจตนา “รุกราน” และถือเป็นเครื่องยืนยันว่าทั้ง 2 ชาติมีนโยบายที่ก้าวร้าวต่อเกาหลีเหนือ โดยฝ่ายโสมแดงก็ “ประท้วง” ด้วยการยิงขีปนาวุธ ซ้อมรบทางอากาศ และยิงปืนใหญ่ไปตกในน่านน้ำใกล้ๆ พรมแดนเกาหลีใต้เมื่อไม่นานมานี้
ด้านวอชิงตัน และโซลอ้างว่าจำเป็นต้องมีการซ้อมรบเพื่อเตรียมรับมือภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะรื้อฟื้นการทดลอง “ระเบิดนิวเคลียร์” เร็วๆ นี้ หลังจากที่หยุดไปตั้งแต่ปี 2017
กองทัพสหรัฐฯ และเกาหลีใต้จะส่งสุดยอดเครื่องบินขับไล่ F-35 หลายเวอร์ชันเข้าร่วมการฝึกครั้งนี้ พร้อมกับเครื่องบินรบชนิดอื่นๆ ขณะที่ “ออสเตรเลีย” ในฐานะชาติพันธมิตรก็จะส่งเครื่องบินเติมเชื้อเพลิง 1 ลำมาร่วมการฝึกด้วย
“กองทัพอากาศเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จะร่วมกันปฏิบัติภารกิจทางอากาศที่สำคัญๆ เช่น การสนับสนุนทางอากาศอย่างใกล้ชิด (close air support) การตอบโต้ทางอากาศเชิงรับ (defensive counter air) และปฏิบัติการฉุกเฉินทางอากาศ ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงต่อวัน ตลอดระยะเวลาของการฝึก” กองทัพอากาศสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง
“ในส่วนของหน่วยสนับสนุนภาคพื้นดินก็จะมีการฝึกขั้นตอนการปกป้องฐานทัพ รวมไปถึงศักยภาพในการเอาตัวรอด (survivability) หากเกิดการโจมตีขึ้น”
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (28) กองทัพเกาหลีใต้เพิ่งจะเสร็จสิ้นปฏิบัติการซ้อมรบประจำปีภายใต้รหัสโฮกุก (Hoguk) ซึ่งมีทั้งการจำลองยกพลขึ้นบกและข้ามแม่น้ำ รวมถึงการฝึกร่วมกับทหารสหรัฐฯ ด้วย
ที่มา : รอยเตอร์
