เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ 2 ครั้งที่ด้านนอกกระทรวงศึกษาธิการในกรุงโมกาดิชู เมืองหลวงของโซมาเลีย ซึ่งอยู่ใกล้กับตลาดที่มีคนพลุกพล่าน ล่าสุด มีผู้เสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 100 คน บาดเจ็บอีกราว 300 คน ขณะที่ประธานาธิบดีคาดตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจจะเพิ่มสูงขึ้นอีก
เหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ (29 ต.ค.) และถือเป็นการก่อวินาศกรรมครั้งรุนแรงที่สุด ถัดจากกรณีที่คนร้ายเคยใช้รถบรรทุกระเบิดโจมตีสี่แยกแห่งเดียวกันนี้เมื่อเดือน ต.ค. ปี 2017 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 500 คน
คนร้ายกดชนวนคาร์บอมบ์ลูกแรกเมื่อเวลา 14.00 น. และตามมาด้วยลูกที่ 2 ภายในเวลาไม่กี่นาที หลังจากที่รถพยาบาลหลายคันเดินทางมาถึง และมีคนจำนวนมากเข้าไปรวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
โมฮาเหม็ด โมอาลิม เจ้าของร้านค้าเล็กๆ ใกล้สี่แยก เล่าว่า ฟาร์เดาซา ภรรยาของเขาซึ่งเป็นแม่ของลูก 6 คน รีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บหลังเกิดระเบิดลูกแรก
“พวกเราห้ามเธอไม่ทัน” เขากล่าว “เธอถูกระเบิดลูกที่ 2 เสียชีวิต”
ประธานาธิบดี ฮัสซัน ชัยค์ โมฮาหมุด ระบุว่า ผู้บาดเจ็บหลายคนมีอาการค่อนข้างสาหัส และยอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีก
กลุ่มติดอาวุธอัลชาบาบ ซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์ได้ออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบ โดยให้เหตุผลว่ากระทรวงศึกษาธิการถือเป็นศูนย์กลางของการทำ “สงครามทางจิตใจ” และนำแผนการสอนที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเชื่อแบบคริสต์มาใช้กับลูกหลานชาวโซมาเลีย
พวกเขาอ้างว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ยังทำให้มีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่งด้วย
กลุ่มอัลชาบาบเคยก่อเหตุรุนแรงลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้งทั้งในกรุงโมกาดิชู และเมืองอื่นๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อล้มล้างรัฐบาลโซมาเลีย และตั้งระบอบการปกครองภายใต้กฎหมายอิสลามที่ถูกตีความแบบสุดโต่ง
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (30) ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ขอ “ประณามการก่อการร้ายที่น่าเศร้า” ครั้งนี้ พร้อมยืนยันว่าอเมริกา “พร้อมสนับสนุนรัฐบาลโซมาเลียในการต่อสู้เพื่อป้องกันการก่อการร้าย” ขณะที่โฆษกของ อันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุว่าเลขาฯ ยูเอ็น “ประณามการโจมตีอันชั่วร้ายนี้ และขอย้ำว่าองค์การสหประชาชาติจะยืนหยัดเคียงข้างโซมาเลียเพื่อต่อต้านการใช้ความรุนแรงแบบสุดโต่ง”
ที่มา : รอยเตอร์
