หนังสือบันทึกความทรงจำเจ้าชายแฮร์รี พระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งชาวโลกตั้งตาคอยด้วยใจระทึกว่าจะมีการแฉเรื่องลี้เรื่องลับสุดแซ่บใดๆ เกี่ยวกับพระราชสำนักอังกฤษนั้น มีกำหนดวางแผงชัดเจนแล้ว ณ 10 มกราคม 2023 โดยเมมมัวร์เล่มนี้จะได้ชื่อเรื่องว่า “SPARE” สำนักพิมพ์เพนกวิน แรนดอม เฮาส์ ออกคำแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม 2022
ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงนับจากที่ข่าวกระฉ่อนไปทั่วโลก “SPARE” ก็กระเด้งขึ้นแท่นท็อป 10 เบสต์เซลเลอร์ หนังสือขายดิบขายดีขั้นสุดของแอมะซอนดอทคอมได้อย่างง่ายดาย ในเมื่อบรรดาผู้ติดตามข่าวราชวงศ์ ตลอดจนมหาชนในนานาประเทศต่างจดจ่อรออ่านเมมมัวร์ของเจ้าชายแฮร์รี กันตั้งแต่มีข่าวโฉ่งฉ่างออกมาในเดือนกรกฎาคม 2021
เมมมัวร์เรื่อง “SPARE” ที่คาดหวังกันว่าจะร้อนฉ่าไม่น้อยหน้าคลิปสัมภาษณ์ในรายการโด่งดัง The Oprah Winfrey Show เมื่อเดือนมีนาคม 2021 จะยังคงมีสำนักพิมพ์เพนกวิน แรนดอม เฮาส์ เป็นเจ้าภาพจัดพิมพ์จัดจำหน่ายไม่เปลี่ยนแปลง และการเดินเรื่องยังคงเป็นการเล่าเปิดเผยหมดเปลือกอย่างซื่อสัตย์ไม่บิดไม่พลิ้ว อีกทั้งจะเต็มไปด้วยวิสัยทัศน์อันลึกซึ้ง ตลอดจนการเผยความจริง การตรวจสอบตนเอง และภูมิปัญญาที่มีต่อเรื่องราวอำนาจแห่งความรักอมตะเหนือความปวดร้าวทั้งปวง
ตั้งชื่อปกได้แยบยล ที่แท้ “SPARE” หมายถึงตัวเจ้าชายแฮร์รีนั่นเอง
ในคำแถลงข่าวดังกล่าว เพนกวิน แรนดอม เฮาส์ นำเสนอโยงใยไปถึงประเด็นมรณกรรมช็อกโลกปี 1997 เมื่อเจ้าหญิงไดอานา เสด็จแม่แห่งเจ้าชายแฮร์รี ปิดฉากชีวิตอย่างปุบปับ พร้อมแนบภาพถ่ายที่ยังตราตรึงความรู้สึกของผู้คน คือ เจ้าชายแฮร์รี และพระเชษฐา “ทรงเดินตามหีบพระศพของพระมารดา ขณะที่โลกทั้งหมดเฝ้าชมด้วยความอาดูรอันสุดแสนจะสะเทือนใจ” เอพีรายงาน
“ขณะที่ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ทอดพระกายสู่การพักผ่อนชั่วนิรันดร์ ผู้คนหลายพันล้านรายใคร่ครวญว่าเจ้าชายทั้งสองพระองค์ทรงคิดและรู้สึกอย่างไร – และชีวิตของพระเชษฐากับพระอนุชาคู่นี้จะดำเนินสืบไปอย่างไรนับจากจุดนี้” ใบคำแถลงอย่างเป็นทางการเขียนไว้ในตอนหนึ่งของข่าวที่แจกสู่สื่อมวลชน พร้อมกับหักมุมว่า
“สำหรับแฮร์รี ในที่สุดแล้ว นี่คือเรื่องราวชีวิตของพระองค์”
การเลือกคำว่า “SPARE” เป็นชื่อเรื่องของหนังสือบันทึกความทรงจำเล่มนี้ เห็นได้ชัดว่ามุ่งหมายจะโยงใยไปถึงความเป็นรัชทายาทและบทบาทตัวสำรองหากพระมหากษัตริย์ทรงมีเหตุจำเป็น และจำจะต้องมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือก็คือคำว่า “The Heir and The Spare” ซึ่งเป็นถ้อยวลีที่ใช้กันบ่อยๆ เพื่อหมายถึงรัชทายาทผู้สืบสายสกุล เอพีรายงาน
ที่ผ่านมา รัชทายาท และตัวสำรองสำคัญสุดๆ อันได้แก่ เจ้าฟ้าชายวิลเลียม ผู้เป็นพระเชษฐาของเจ้าชายแฮร์รี ทรงแฮปปี้ล่วงหน้าห่างออกไปแล้วหลายปีแสง โดยทรงได้รับพระราชทานพระอิสริยยศเป็น เจ้าชายแห่งเวลส์ เป็นที่เรียบร้อย และในทางอัตโนมัติ ทรงได้เลื่อนขึ้นเป็นรัชทายาทลำดับที่ 1 แห่งพระราชบัลลังก์แล้วด้วย ส่วนสำหรับเจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ เมื่อทรงประสูติในปี 1984 ทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ต่อติดกับพระเชษฐา แต่นับจากนั้นมาจดจนปัจจุบัน ลำดับรัชทายาทของเจ้าชายแฮร์รีก็เลื่อนถอยลงเรื่อยๆ (ตามกฎกติกาและราชประเพณีแห่งราชสำนักอังกฤษและราชสำนักอื่นๆ ในยุโรป ที่จะให้พระโอรสและพระธิดาขององค์รัชทายาทได้รับลำดับที่ต่อเนื่องกับผู้ที่เป็นพระบิดา) ปมเรื่องนี้จะไปปรากฏสักหนึ่งบทใน “SPARE” หรือไม่และอย่างไรก็ต้องอดใจรออีกไม่นาน
ยังเป็นปริศนาแยงใจท่านผู้ชม ว่า “SPARE” จะเขย่าราชบัลลังก์อังกฤษรอบใหม่หรือไม่
พสกนิกรแห่งสหราชอาณาจักรยังต้องอยู่กับความอยากทราบว่า เนื้อหาในบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี จะช่วยคลี่คลายความสัมพันธ์อันสุดแสนจะกระท่อนกระแท่นที่พระองค์และพระชายาเมแกน มาร์เคิล มีอยู่กับพระราชวงศ์อังกฤษหรือไม่
หรือว่าจะส่งผลเป็นดั่งน้ำมันสาดซัดลงบนกองไฟแห่งความร้าวฉาน ซีเอ็นเอ็นลอนดอนตั้งคำถามไว้อย่างนั้น
โดยซีเอ็นเอ็นโยงไปยังบทสัมภาษณ์ออกพอดคาสต์เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเจ้าชายแฮร์รี ทรงบอกว่า ทรงถูกล็อกไว้ในวงจรแห่ง “ความเจ็บปวดและทุกข์ตรม” ของพระราชตระกูล พร้อมกับเชือดพระราชวงศ์วินด์เซอร์ว่า ตัวพระองค์ถูกวิจารณ์หนักหนาในเรื่องวิถีทางที่เสด็จพ่อทรงเลี้ยงดูพระองค์ขึ้นมา
“เมื่อเป็นเรื่องของการเป็นคุณพ่อคุณแม่ หากผมได้ประสบกับความเจ็บปวดและทุกข์ตรมมาในบางแง่มุมสืบเนื่องจากความเจ็บปวดและทุกข์ตรมที่อาจเป็นได้ว่าเสด็จพ่อและผู้ใหญ่ท่านต่างๆ ของผมได้ประสบมาแล้ว ผมจะต้องให้แน่ใจได้ว่าผมสามารถแหวกออกจากวงจรนั้น เพื่อที่ว่าผมจะไม่ส่งต่อสิ่งนี้สืบเนื่องลงไป” ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ทรงกล่าวกับแด็กซ์ เชปพาร์ด นักแสดงและพิธีกรพอดคาสต์รายการ ‘Armchair Expert’
การวิพากษ์ดังกล่าวเป็นประเด็นอื้อฉาวทีเดียว เพราะนับได้ว่าเจ้าชายแฮร์รี ทรงเล่นงานเสด็จพ่อไว้หนักหนาอย่างชนิดที่ไม่เห็นร่องรอยของความกตัญญู ต่อความช่วยเหลือและความเมตตาที่ได้รับเมื่อตัวพระองค์เองต้องประสบวิกฤตชีวิตวาระต่างๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวันเวลาที่ทรงเป็นเจ้าชายสายปาร์ตี้ และเสพยาเสพติดกับพระสหาย จนกระทั่งถูกเปิดโปงเป็นข่าวหน้าหนึ่งของนิวส์ออฟเดอะเวิลด์ ที่พาดหัวตัวโตไว้ว่า
‘ยาเสพติดอัปยศของแฮร์รี’
โดยในวิกฤตครั้งนั้นเมื่อปี 2002 เสด็จพ่อทรงเข้าพระทัยได้ดีถึงปัญหาของเด็กหนุ่มวัย 17 ปีที่หลงทางได้ไม่ยาก ทั้งนี้ ทรงมีพระเมตตาอย่างยิ่ง ทรงประทานกำลังใจแก่พระโอรสเพื่อเข้าคลินิกรับการบำบัด
ประกาศวันวางแผง “SPARE” ออกมาชนิดที่ประจวบเหมาะสวนหมัดกับข่าวจ่อปลดพ้นลิสต์ผู้สำเร็จราชการ
ข่าวการประกาศวันดีเดย์สำหรับการวางแผงหนังสือบันทึกความทรงจำ ‘SPARE’ มีขึ้นในสภาพการณ์ที่ค่อนข้างประจวบเหมาะ-สวนหมัดกับข่าวใหญ่ที่ว่า อาจมีการถอดเจ้าชายแฮร์รี และเจ้าชายแอนดรูว์ ออกจากลิสต์รายพระนามพระราชวงศ์ที่จะได้เป็นผู้ปฏิบัติพระราชกิจสำคัญ หากพระเจ้าแผ่นดินทรงพระประชวรหรือมิได้ทรงประทับในราชอาณาจักร
อันที่จริง การพิจารณาปรับลิสต์รายพระนามพระราชวงศ์ที่จะได้เป็นผู้ปฏิบัติพระราชกิจแทน เป็นเพียงข้อพิจารณาในสภาขุนนาง (House of Lords) ในช่วงระหว่างสัปดาห์นี้ ซึ่งมีการตั้งคำถามว่า อาจมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงเรื่องนี้ให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และตามพระราชบัญญัติผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (Regency Act) นั้น ลิสต์นี้ประกอบด้วย 5 รายชื่อ ได้แก่ สมเด็จพระราชินี กับพระราชวงศ์ 4 พระองค์แรกในลำดับรัชทายาทซึ่งมีพระพรรษาเกิน 21 พรรษา อันได้แก่ เจ้าฟ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแฮร์รี เจ้าชายแอนดรูว์ และเจ้าหญิงเบียทริซ
ในการนี้ หนึ่งในหลายๆ ทางเลือกที่สภาขุนนางอภิปรายและพิจารณากัน คือ “การเปลี่ยนตัว” เพราะโดยสภาพการณ์จริงแล้วเจ้าชายแฮร์รี ทรง “ถอนตัวออกไปจากประเทศอังกฤษ” ขณะที่เจ้าชายแอนดรูว์ก็ทรง “ถอนตัวออกไปจากชีวิตสาธารณะ”
ปรากฏว่าสื่อมวลชนใหญ่ยักษ์ทั้งหลายนำไปเล่นเป็นข่าวฮือฮาตั้งแต่เช้าวันพุธที่ 26 ตุลาคม โดยหลายค่ายซึ่งมักจะเสนอข่าวพระราชวงศ์ในแนวซี้ดซ้าด ได้นำไปตีไข่ใส่สีว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นเพราะสำนักพระราชวังมีแผนจะผลักดันเจ้าชายแฮร์รี และเจ้าชายแอนดรูว์พ้นออกจากลิสต์ เพื่อปิดโอกาสที่ทั้งสองพระองค์จะขึ้นไปปฏิบัติพระราชกิจสำคัญแทนสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 มีโอกาสสูงมากว่า สมเด็จพระราชินีคามิลลาและเจ้าฟ้าชายวิลเลียมจะตามเสด็จพระเจ้าชาร์ลส์ไปเยือนประเทศต่างๆ ในปีหน้า
ทั้งนี้ เดอะซันยูเคเป็นยักษ์สื่อมวลชนรายหนึ่งที่นำเสนอข่าวในแนวทางนี้ พร้อมระบุรายชื่อพระราชวงศ์ที่จะเข้าไปแทนที่เจ้าชายแฮร์รีและเจ้าชายแอนดรูว์ไว้อย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม ในค่ำวันเดียวกัน เดอะซันเสนอข่าวใหม่อีกชิ้นหนึ่งว่า พระเจ้าชาร์ลส์ทรงตัดสินพระทัยในเรื่องนี้แล้ว โดยทรงเลือกแนวทางอื่นที่มิใช่ “การเปลี่ยนออก” แต่จะให้ใช้แนวทาง “การเพิ่มจำนวน” พระราชวงศ์ที่จะได้อยู่ในลิสต์ โดยอาจจะเพิ่มจากจำนวน 4 พระองค์ เป็น 6 พระองค์ ซึ่งจะส่งผลให้พระนามของเจ้าชายเอดเวิร์ด กับพระนามของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ถูกเพิ่มไว้ในลิสต์สำคัญนี้
ความเคลื่อนไหวที่ดูว่าเป็นคำขู่ภายในฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติกในช่วงเช้ากับช่วงค่ำของวันพุธที่ 26 ตุลาคม 2022 ถูกติดตามมาอย่างกระชั้นชิดด้วยความเคลื่อนไหวที่ดูว่าเป็นคำขู่เช่นกันจากอีกฟากหนึ่งของแอตแลนติก
ทั้งนี้ คำแถลงข่าวจากเพนกวิน แรนดอม เฮาส์ นิวยอร์ก ที่แฟนานุแฟนตั้งตารอคอยได้ถูกเคาะเป็นที่แน่นอนและจึงมีการแจ้งกำหนดวันวางแผง “SPARE” ตรงไปถึงบรรดาสื่อจี๊ดจ๊าดในอังกฤษเมื่อเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม ขณะที่ทวิตเตอร์ของสำนักพิมพ์ก็ทำการประกาศความคืบหน้าสำคัญนี้ควบคู่กันไปข่าวของสื่อสารพัดค่ายในวันพฤหัสบดีนั้นเอง พร้อมกับแจ้งทราบถึงเว็บไซต์ข้อมูลเพิ่มเติม คือ PrinceHarryMemoir.com ซึ่งยังโพสต์ข้อมูลขึ้นไปได้เพียงน้อยนิด
‘เพียส์ มอร์แกน’ ฟันธง เจ้าชายแฮร์รีจะขยี้คิงชาร์ลส์ให้ย่อยยับ ชดเชยกับการที่ตนจะไม่มีโอกาสได้เป็นคิง
ลีลาสวนหมัดกระฉับกระเฉงเช่นนี้กระตุ้นให้ผู้สันทัดกรณีทั้งหลายมั่นใจว่า องค์รัชทายาทลำดับที่ 5 จะประเคนข้อมูลที่บั่นทอนเกียรติภูมิของพระราชวงศ์วินด์เซอร์ ชนิดที่หนุ่มเพียส์ มอร์แกน นักวิจารณ์ปากกล้าแห่งแวดวงข่าวราชวงศ์อังกฤษ ฟันธงไว้ในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “SPARE” จะทำลายพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ของอังกฤษให้ย่อยยับทั้งที่พระองค์ยังทรงตรมพระทัยกับการสูญเสียพระราชมารดา อีกทั้งยังมิได้ผ่านพระราชพิธีราชาภิเษกกันเลยทีเดียว เว็บไซต์ข่าวดิเอ็กซ์เพรสรายงาน พร้อมยกถ้อยคำของมอร์แกนมาด้วยว่า
“หนังสือเล่มนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งของเจ้าชายแฮร์รีในการคร่ำครวญต่อการที่ตนเองไม่มีโอกาสขึ้นเป็นกษัตริย์อังกฤษ”
และแน่นอนว่า ทวิตของจอมวิจารณ์อย่างมอร์แกนไม่ยอมพลาดที่เรียกร้องให้พระเจ้าชาร์ลส์ “ถอด” เจ้าชายแฮร์รีจากตำแหน่งเจ้าชาย
“เจ้าชายจอมหวงแหนความเป็นส่วนตัวจะเหวี่ยงสิ่งปฏิกูลที่เป็นตัวทำรายได้ให้พระองค์ เข้าไปเล่นงานพระราชตระกูลอีกหนึ่งระลอกใหญ่ กะให้ทันเวลาที่จะทำลายพิธีราชพิธีราชาภิเษกของพระราชบิดา”
“พระเจ้าชาร์ลส์ควรถอดเด็กวายร้ายปากว่าตาขยิบ ละโมบโลภเงิน เห็นแก่ตัวคนนี้ ออกจากทุกตำแหน่งทุกสถานภาพที่ยังเหลืออยู่ โดยเร็วที่สุด” นักวิจารณ์ปากกล้านามเพียส์ มอร์แกน ทวีตไว้อย่างนั้น ดิเอ็กซ์เพรสรายงานอย่างละเอียด
โปรไฟล์ของ SPARE นับว่าหรูล้ำอย่างยิ่ง โดยจะมีความหนาถึง 416 หน้า และจะตีพิมพ์ออกมา 16 ภาษา จากภาษาดัตช์ จดจนภาษาโปรตุกีสกันเลยทีเดียว
ความลับประการหนึ่งที่ยังไม่มีการเฉลย คือ ตัวเลขรายได้ที่เพนกวิน แรนดอม เฮาส์ จะมอบแก่เจ้าชายแฮร์รี แต่ตัวดยุกแห่งซัสเซกซ์ลั่นวาจาแล้วว่าจะบริจาครายได้นี้ให้แก่องค์การกุศลต่างๆ ของอังกฤษ และที่ผ่านมา พระองค์ได้บริจาคไปแล้ว 1.5 ล้านดอลลาร์ โดยมอบให้แก่ Sentebale อันเป็นองค์การกุศลที่พระองค์ทรงจัดตั้งขึ้นร่วมกับเจ้าชายแห่งเลโซโท บนวัตถุประสงค์ที่จะช่วยเหลือเด็กๆ และคนหนุ่มสาวในเลโซโทกับบอตสวานา ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อเอชไอวี/เอดส์
หนังสือเมมมัวร์เจ้าปัญหาของเจ้าชายแฮร์รีเคยมีกำหนดวางแผงภายในปี 2022 แต่กลับกลายเป็นว่านายทุนสั่งเลื่อนกำหนดออกไปอย่างไร้ความแน่นอน
ทั้งนี้ บางสำนักรายงานว่าผู้บริหารของเพนกวิน แรนดอม เฮาส์ ยังไม่พึงพอใจกับเนื้อหาในหนังสือที่ไม่ซี้ดซ้าดเสมือนดั่งเนื้อหาในคลิปสัมภาษณ์อันอื้อฉาวกับ The Oprah Winfrey ปี 2021 และต้องการช็อตแฉแบบเด็ดๆ ใหม่ๆ จนเป็นเหตุให้ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ต้องเดินทางมาอังกฤษเพื่อแก้ไขข้อขัดข้องดังกล่าวหลายรอบ จนกระทั่งได้ประเด็นความขัดแย้งหลายประการในระหว่างพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน บางสำนักวิเคราะห์ว่าเจ้าชายแฮร์รีทรงลังเลที่จะเปิดเผยถึงพระราชวงศ์อย่างลึกล้ำและมากมายนัก และจึงทรงตกอยู่ในความกดดันมหาศาล เช่น ความกดดันในประเด็นพระอิสริยยศเจ้าชายและเจ้าหญิงของพระโอรสและพระธิดาที่ต้องคำนึงถึง จนกระทั่งปมข่าวการพิจารณาถอดถอนพระองค์ออกจากลิสต์ผู้สำเร็จราชการได้อุบัติขึ้นมา ปัจจัยนี้อาจเป็นแรงฮึดและจุดเปลี่ยนสำคัญ
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้จึงขับเคลื่อนให้หนังสือบันทึกความทรงจำของดยุกแห่งซัสเซกซ์สามารถปิดต้นฉบับเป็นที่พึงพอใจของเพนกวิน แรนดอม เฮาส์ และสามารถกำหนดวันคลอดหนังสือได้อย่างแน่นอนเสียที
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา : เอพี ซีเอ็นเอ็น บีบีซี เดอะซัน ทวิตเตอร์ รอยเตอร์ ดิเอ็กซ์เพรส)