ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในวันพุธ (26 ต.ค.) ตรวจตราการซ้อมรบของกองกำลังศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์ด้วยตนเอง ในขณะที่มอสโกเดินหน้ากล่าวหายูเครนเตรียมยั่วยุโดยใช้ “เดอร์ตี้บอมบ์” หรือระเบิดกัมมันตรังสี แล้วป้ายสีให้เป็นความผิดของมอสโก ระหว่างพูดคุยกับอินเดียและจีน ขยายวงสงครามน้ำลายตอบโต้กันไปมาเกี่ยวกับการใช้อาวุธร้ายแรงชนิดนี้
ความเคลื่อนไหวซ้อมรบทางนิวเคลียร์ครั้งนี้ ซึ่งทาง ปูติน ร่วมสังเกตการณ์จากห้องควบคุมหนึ่ง มีขึ้นตามหลังความคิดเห็นต่างๆ ของมอสโกและปูติน ที่โหมกระพือสถานการณ์ความตึงเครียด ก่อความกังวลว่าความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานกว่า 8 เดือนอาจเลี้ยวเข้าสู่ความขัดแย้งทางนิวเคลียร์
"ภายใต้การนำของวลาดิมีร์ ปูติน ได้มีการจัดการซ้อมรบของกองกำลังป้องปรามทางบก ทะเล และอากาศ ซึ่งระหว่างนั้นได้มีการซ้อมยิงขีปนาวุธแบบทิ้งตัวและขีปนาวุธร่อน" วังเครมลินระบุในถ้อยแถลง
สื่อมวลชนแห่งรัฐของรัสเซีย เผยแพร่คลิปวิดีโอลูกเรือของเรือดำน้ำลำหนึ่งกำลังเตรียมการยิงขีปนาวุธ Sineva จากทะเลแบเรนตส์ในอาร์กติก นอกจากนี้ การซ้อมรบยังรวมไปถึงการยิงทดสอบขีปนาวุธจากคาบสมุทรคัมชัตคา ในแถบตะวันออกไกลของรัสเซียด้วย
วิดีโอการซ้อมรบถูกเผยออกมา หลังจาก เซอร์เก ซอยกู รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซีย เดินหน้าพูดคุยกับบรรดารัฐมนตรีกลาโหมของประเทศต่างๆ ทั่วโลก อ้างว่า ยูเครนกำลังพัฒนา “เดอร์ตี้บอมบ์” หรือระเบิดกัมมันตรังสี
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซอยกู กล่าวอ้างในเรื่องดังกล่าวกับบรรดารัฐมนตรีกลาโหมจากเหล่าชาติสมาชิกนาโต้ และล่าสุดเขาก็เน้นย้ำคำกล่าวหาอีกครั้งกับ เว่ย เฟิงเหอ รัฐมนตรีกลาโหมจีนในวันพุธ (26 ต.ค.) นอกจากนี้ เขายังส่งเสียงแสดงความกังวลแบบเดียวกัน ระหว่างพุดคุยทางโทรศัพท์กับ ราชนาถ ซิงห์ รัฐมนตรีกลาโหมอินเดียด้วย
ยูเครน เช่นเดียวกันพันธมิตรตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นสหราอาณาจักร ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ ปฏิเสธคำกล่าวหาว่า "ไร้สาระ" และ "เป็นอันตราย" บ่งชี้ว่าคำกล่าวอ้างนี้ถูกออกแบบมาเพื่ออำพรางแผนของรัสเซียเองในสมรภูมิรบ
รัสเซียเริ่มใช้โวหารทางนิวเคลียร์หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ มาตั้งแต่เดือนกันยายน ครั้งที่มอสโกประกาศผนวก 4 แคว้นของยูเครน ซึ่งพื้นที่บางส่วนอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังรัสเซีย เข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน โดย ปูติน เตือนว่ามอสโกอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ปกป้องดินแดนเหล่านั้น
หนึ่งในนั้นคือแคว้นเคียร์ซอน ทางใต้ของยูเครน ซึ่งกองกำลังเคียฟค่อยๆ รุกคืบทวงดินแดนกลับมา นับตั้งแต่เปิดปฏิบัติการโจมตีตอบโต้สายฟ้าแลบในช่วงปลายฤดูร้อน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซีย เรียกร้องพลเรือนให้อพยพหลบหนี ในสิ่งที่พวกเขาระบุว่าการโจมตีของฝ่ายศัตรูใกล้เข้ามาแล้ว พวกเขาอ้างว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนเมืองเคียร์ซอนเป็นป้อมปราการ พร้อมประกาศทุ่มเททุกสรรพกำลังเพื่อปกป้องเมืองแห่งนี้
วลาดิมีร์ ซัลโด เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากมอสโกในแคว้นดังกล่าว เปิดเผยในวันพุธ (26 ต.ค.) ว่าในสัปดาห์ที่แล้ว มีชาวบ้านอย่างน้อย 70,000 คน ตัดสินใจหลบหนีออกจากที่พักอาศัย
การทวงคืนแคว้นเคียร์ซอนของยูเครน จะเป็นการเปิดทางให้กองกำลังเคียฟกลับมาเข้าถึงทะเลอาซอฟ และมันจะตัดขาดการเชื่อมต่อทางภาคพื้นของรัสเซียไปยังไครเมีย ที่มอสโกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนตั้งแต่ปี 2014 อีกด้วย
ปฏิบัติการโจมตีของรัสเซียเพื่อยึดดินแดนยูเครน กระตุ้นให้นานาชาติไหลบ่าแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับเคียฟ ในนั้นรวมถึงชาวต่างชาติหลายร้อยคนที่สมัครใจเข้าร่วมรบเพื่อสกัดการรุกคืบของรัสเซีย
เคียฟเปิดเผยในวันพุธ (26 ต.ค.) ว่ารัสเซียได้ส่งศพ โจชัว อลัน โจนส์ พลเมืองสหรัฐฯ คืนกลับมา หลังจากอาสาสมัครรายนี้ถูกสังหารระหว่างสู้รบกับกองกำลังมอสโกในเดือนสิงหาคม
ในวันพุธ (26 ต.ค.) เช่นกัน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เผยว่าเขามองเห็น "แนวโน้มในทางบวก" ในความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับอิสราเอล หลังจาก 2 ประเทศแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง ในคำกล่าวอ้างที่ว่ารัสเซียใช้โดรนอิหร่านหลายร้อยลำโจมตีประเทศเพื่อนบ้าน บางอย่างที่ทางเครมลินยืนกรานปฏิเสธ
ความเห็นของเซเลนสกี มีขึ้นเพียง 2 วัน หลังจากเขาเพิ่งวิพากษ์วิจารณ์ความเป็นกลางของอิสราเอล ในความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย โดยบอกว่าการตัดสินใจของอิสราเอลที่ไม่สนับสนุนเคียฟ เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้กองทัพรัสเซียจับมือกับอิหร่าน "เรากำลังอยู่ในจุดเริ่มต้นของความร่วมมือ" เซเลนสกี ระบุ "หลังจากหยุดนิ่งมานาน ผมเห็นว่าเรากำลังมีความคืบหน้า"
(ที่มา : เอเอฟพี)
