เอเอฟพี - สี จิ้นผิง รับตำแหน่งประธานาธิบดีจีนสมัยที่ 3 ในวันอาทิตย์ (23 ต.ค.) และแต่งตั้งพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดในพรรคคอมมิวนิสต์บางคน ตอกย้ำสถานะผู้นำทรงอำนาจที่สุดในแดนมังกรนับจาก เหมา เจ๋อตง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเลือกสี ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคต่ออีกสมัยนาน 5 ปี ซึ่งเท่ากับเป็นการนำประเทศถอยกลับสู่ระบบผู้กุมอำนาจเพียงคนเดียว หลังจากใช้ระบบกระจายอำนาจในหมู่ชนชั้นนำมาหลายทศวรรษ ตำแหน่งเลขาธิการพรรคยังหมายถึงการเป็นประธานคณะกรรมการถาวรคณะกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์ที่มีสมาชิก 7 คน
ระหว่างกล่าวกับผู้สื่อข่าว ณ มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่งภายหลังการประกาศผลการลงมติแบบปิดลับ สีขอบคุณสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ทั้งหมดที่ไว้ใจตนเอง พร้อมให้สัญญาจะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า คุ้มค่าต่อความไว้วางใจของพรรคและประชาชน นอกจากนั้น สี วัย 69 ปี ยังได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการกลางทางทหารอีกสมัย
ขณะนี้เกือบแน่นอนแล้วว่า สีจะได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 3 ซึ่งมีกำหนดประกาศอย่างเป็นทางการระหว่างการประชุมสภาประจำปีในเดือนมีนาคม
การแต่งตั้งทั้งหมดนี้มีขึ้นหลังการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์นานหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งระหว่างนี้ตัวแทนพรรคที่ได้รับการคัดสรร 2,300 คน ได้รับรอง “สถานะหลัก” ของสีในตำแหน่งผู้นำและอนุมัติการปรับโครงสร้างขนานใหญ่ที่บรรดาอดีตศัตรูของสีถูกปลดจากตำแหน่ง
การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 20 ได้เลือกคณะกรรมการกลางชุดใหม่ที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่อาวุโสของพรรคราว 200 คน ซึ่งประชุมกันในวันอาทิตย์เพื่อเลือกสี และสมาชิกคนอื่นๆ ในคณะกรรมการถาวรคณะกรมการเมืองที่มีอำนาจทางการเมืองสูงสุดในจีน
พันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของสีบางคนได้รับเลือกเป็นสมาชิกคณะกรรมการถาวรคณะกรมการเมือง เช่น หลี่ เฉีย อดีตประธานพรรคสาขาเซี่ยงไฮ้ และเป็นคนที่สีไว้วางใจ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกอันดับ 2 ทำให้มีแนวโน้มว่า หลี่จะได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในการประชุมสภาประจำปีในเดือนมีนาคมปีหน้า ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ ในคณะกรมการเมืองยังรวมถึงจ้าว เล่อจี้, หวัง ฮู่หนิง, ไช่ ฉี, ติง เสวียเสียง และหลี่ ซี
นับจากขึ้นเป็นผู้นำจีนเมื่อทศวรรษที่แล้ว สีประสบความสำเร็จในการรวมศูนย์อำนาจ แบบที่ไม่มีผู้นำจีนคนใดในยุคสมัยใหม่นอกเหนือจากเหมาเคยทำได้ สียังยกเลิกข้อจำกัดการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียง 2 สมัยเมื่อปี 2018 ปูทางให้ตัวเองได้ปกครองจีนไม่มีที่สิ้นสุด
นอกจากนั้น สียังมีบทบาทในการทำให้จีนผงาดขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก ขยายกองทัพ และแสดงจุดยืนก้าวร้าวมากขึ้นในเวทีโลกที่ทำให้อเมริกาออกมาต่อต้านอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม แม้มีอำนาจที่เกือบเบ็ดเสร็จ แต่สีจะต้องเผชิญความท้าทายใหญ่หลวงในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงการจัดการเศรษฐกิจที่มีหนี้ก้อนใหญ่ และท่าทีเป็นปฏิปักษ์ชัดเจนขึ้นของอเมริกา
เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า จีนไม่สามารถพัฒนาโดยลำพัง และโลกต้องการจีนเช่นเดียวกัน และเสริมว่า หลังจากพยายามปฏิรูปและเปิดประเทศอย่างไม่ย่อท้อมากว่า 40 ปี จีนได้สร้างมหัศจรรย์ 2 สิ่งคือ การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และเสถียรภาพทางสังคมระยะยาว
การลงมติในวันอาทิตย์เท่ากับเป็นการสิ้นสุดสัปดาห์แห่งความสำเร็จที่เหล่าผู้นำจีนได้อวดอ้างผลงานการนำพาประเทศในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในระหว่างกล่าวเปิดประชุมสมัชชาใหญ่เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว (16 ต.ค.) สียกย่องความสำเร็จของพรรค แต่กลับปกปิดปัญหาภายในประเทศ เช่น เศรษฐกิจที่ชะงักงันและความเสียหายจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของตนเอง รวมถึงกล่าวถึงนโยบายต่างๆ เพียงผิวเผิน
นักวิเคราะห์ต่างจับตาว่า กฎบัตรพรรคคอมมิวนิสต์จะแก้ไขเพื่อบันทึก “ความคิดของสี จิ้นผิง” ในฐานะปรัชญานำทาง ซึ่งจะทำให้สถานะของสีเทียบเท่าเหมาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการดำเนินการดังกล่าว แม้มีมติให้เรียกหลักความเชื่อดังกล่าวเป็น “ลัทธิมาร์กซิสต์ของจีนยุคสมัยปัจจุบันและศตวรรษที่ 21” ซึ่งรองรับวัฒนธรรมและพื้นฐานด้านสังคมของจีนในยุคสมัยนี้อย่างเหมาะสมที่สุดก็ตาม