xs
xsm
sm
md
lg

‘พายุโนรู’ ขึ้นฝั่งเวียดนาม-ทำไฟดับทั่วภาคกลาง ตอนเย็นเข้าลาวใต้แล้ว เตือนยังมีฤทธิ์ทำฝนตกหนัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สภาพน้ำท่วมที่เมืองฮอยอัน เมืองมรดกโลกในบริเวณตอนกลางของเวียดนาม เมื่อวันพุธ (28 ก.ย.) หลังจากพายุไต้ฝุ่น “โนรู” เคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามในตอนเช้าวันเดียวกัน และทำให้เกิดฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง  ทั้งนี้พายุลูกนี้ได้อ่อนกำลังและเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ภาคใต้ของลาวแล้วในตอนค่ำ
“ไต้ฝุ่นโนรู” อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนขณะเคลื่อนผ่านตอนกลางของเวียดนามเมื่อวันพุธ (28 ก.ย.) แต่ทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างในบริเวณดังกล่าว แต่คาดว่าจะยังทำให้ฝนตกหนักต่อไป ทางการเวียดนามยังออกประกาศเตือนให้ระวังดินถล่มและน้ำท่วมรุนแรง จากนั้นในตอนเย็นวันเดียวกัน มีรายงานว่า พายุลูกนี้ซึ่งอ่อนกำลังลงกลายเป็นพายุโซนร้อนแล้ว ได้ข้ามเข้าสู่ภาคใต้ของลาว

ที่เมืองด่าหนัง เมืองใหญ่อันดับ 3 ของเวียดนาม มีรายงานว่าอาคารสูงที่นั่นไหวสั่นขณะที่ไต้ฝุ่นโนรูขึ้นฝั่งทางด้านใต้ของเมืองเมื่อเช้าวันพุธ โดยมีความเร็วลม 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ก่อนหน้านั้น ประชาชนกว่า 300,000 คนในเวียดนามอพยพไปยังที่หลบภัยตั้งแต่คืนวันอังคาร (27) หลังจากผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า โนรูอาจเป็นพายุลูกใหญ่ที่สุดเท่าที่ถล่มเวียดนาม

ถึงแม้ในตอนขึ้นฝั่งเวียดนาม “โนรู” มีความเร็วลมต่ำกว่าที่กลัวกันแต่แรก ทว่า สำนักพยากรณ์อากาศระบุว่า ฝนจะยังคงตกหนัก พร้อมเตือนให้ระวังดินถล่มและน้ำท่วมรุนแรง

ด้านกระทรวงกลาโหมเวียดนามแถลงว่า ได้สั่งการให้ทหารราว 40,000 นาย และกองกำลังอาสาสมัครท้องถิ่น 200,000 คน พร้อมรถหุ้มเกราะและเรือ เตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการกู้ภัยและบรรเทาทุกข์

ที่ ฮอยอัน เมืองท่องเที่ยวสำคัญที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แม่น้ำหว่ายใกล้ล้นตลิ่ง ขณะที่ตามพื้นดินระเกะระกะไปด้วยแผ่นหลังคาและต้นไม้ที่ล้มระเนระนาดจากแรงลม ทำให้รถยนต์หลายคนเสียหายและถนนใช้การไม่ได้ นอกจากนั้น ถนนหลายสายในย่านเมืองเก่ายังถูกน้ำท่วมขัง

ขณะเดียวกัน บ้านเรือนราว 300 หลังในจังหวัดกว๋างจิ ถูกพายุหอบหลังคาปลิวหายเมื่อวันอังคารขณะที่ลมเริ่มทวีกำลังแรง

กระนั้น พอถึงช่วงสายวันพุธ ชาวบ้านเริ่มออกมาเก็บกวาดทำความสะอาดซากปรักพักพัง ร้านค้าบางแห่งเปิดให้บริการ และนักท่องเที่ยวออกไปเดินเล่นบนถนน เช่นเดียวกับสนามบินและสำนักงานหลายแห่งในหลายจังหวัดตอนกลางของประเทศที่กลับมาให้บริการเมื่อช่วงบ่ายวันพุธ

ทว่า ทางหลวงบางส่วนที่เชื่อมต่อเมืองหลวงฮานอย ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือกับโฮจิมินห์ซิตี้ ทางภาคใต้ยังคงปิดเนื่องจากมีดินถล่มและน้ำท่วมหลายจุด

เวียดนามเผชิญพายุรุนแรงบ่อยครั้งในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน โดยพื้นที่ตอนกลางของประเทศได้รับผลกระทบมากที่สุด

นักวิจัยเตือนว่า พายุจะมีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทั้งนี้ ไต้ฝุ่นโนรูขึ้นฝั่งเวียดนามหลังจากถล่มฟิลิปปินส์เมื่อต้นสัปดาห์ โดยมีความเร็วลม 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน

ในตอนค่ำวันพุธ มีรายงานว่า โนรู ซึ่งอ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุโซนร้อน ได้เคลื่อนเข้าเขตภาคใต้ของลาวแล้ว โดยคาดกันว่าจากนั้นจะเข้าสู่ประเทศไทยในเขตจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอำนาจเจริญ

ทางด้านลาว มีรายงานตั้งแต่วันพุธว่า หลายพื้นที่ในภาคใต้เริ่มได้รับผลกระทบจากพายุ “โนรู” แล้ว ทั้งเกิดน้ำท่วม น้ำหลาก พายุซัดต้นไม้ล้มทับบ้านพังทั้งหลัง ขณะที่เขื่อนผลิตไฟฟ้าอย่างน้อย 2 แห่ง ได้แก่ “เซละนอง 1” ในแขวงสะหวันนะเขต และ “อาเลื้อย” ในเวียดนาม ติดชายแดนแขวงเซกอง ประกาศระบายน้ำเพื่อลดปริมาณน้ำเหนือเขื่อน

กรมอุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์ ของลาว ออกคำเตือนในตอนเช้าวันพุธคาดหมายว่า พายุโนรู จะเคลื่อนเข้าสู่ภาคกลางและภาคใต้ของลาวในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ซึ่งจะมีผลกระทบทำให้เกิดฝนตกหนัก ลมพัดแรง มีน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ต่อเนื่องไปถึงวันศุกร์ (30)

โดยพื้นที่ซึ่งจะได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย นครหลวงเวียงจันทน์ แขวงเวียงจันทน์ ไซสมบูน บ่ลิคำไซ คำม่วน สะหวันนะเขต จำปาสัก สาละวัน เซกอง และอัตตะปือ

ก่อนหน้านั้น ในตอนเย็นวันอังคาร (27) กรมนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงานและบ่อแร่ แจ้งว่า ตั้งแต่เช้าวันเดียวกัน เขื่อนผลิตไฟฟ้าเซละนอง 1 จำเป็นต้องระบายน้ำผ่านประตูน้ำล้น เพื่อลดระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนที่ได้เพิ่มขึ้นจนเกือบถึงระดับสูงสุดแล้ว โดยปริมาณน้ำที่จะระบายออกมาอยู่ในระดับ 500-8,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะต้องระบายน้ำออกมาจนถึงวันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งจะมีผลกระทบต่อหลายพื้นที่ตามแนวลำน้ำเซละนอง และแม่น้ำเซบั้งเหียง

ขณะที่แผนกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แขวงเซกอง แจ้งว่า ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ของวันอังคาร (27) บริษัทเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำภาคกลางของเวียดนาม หรือเขื่อน “อาเลื้อย” ซึ่งอยู่ในจังหวัดเถื่อเทียน-เว้ ไม่ห่างจากชายแดนลาว-เวียดนามที่แขวงเซกอง ได้เริ่มระบายน้ำออกมาในปริมาณ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะมีผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเซกองเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เย็นวันที่ 27 ถึง 29 กันยายน

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, MGR online)


กำลังโหลดความคิดเห็น