พบวาฬราวๆ 230 ตัวเกยตื้นชายฝั่งทางตะวันตกของรัฐแทสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย ไม่กี่วันหลังจากเพิ่งพบวาฬหัวทุยนอนตายอยู่บนเกาะแห่งหนึ่ง นอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐแห่งนี้ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแทสมาเนีย เปิดเผยในวันพุธ (21 ก.ย.) ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านอนุรักษ์ทางทะเลกำลังเดินทางไปยังจุดที่พบการเกยตื้นหมู่ของวาฬซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นวาฬนำร่อง บริเวณชายหาดโอเชียน ใกล้กับอ่าวแมคควารี
ถ้อยแถลงของกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแทสมาเนีย คาดว่าในบรรดาวาฬที่เกยตื้นเหล่านั้นน่าจะยังคงมีชีวิตอยู่เพียงแค่ครึ่งเดียว "พวกผู้เชี่ยวชาญด้านอนุรักษ์ทางทะเลจะทำการประเมินที่เกิดเหตุและสถานการณ์ เพื่อวางแผนตอบสนองที่เหมาะสม"
"การตอบสนองต่อเหตุเกยตื้นในพื้นที่นี้ยุ่งยากซับซ้อนมาก หากได้ข้อสรุปแล้วว่ามันมีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากประชาชนทั่วไป คำร้องขอจะดำเนินการผ่านช่องทางต่างๆ" ถ้อยแถลงระบุ
คณะทำงานจากโครงการอนุรักษ์ทางทะเลกำลังรวบรวมอุปกรณ์ช่วยเหลือและกำลังมุ่งหน้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุ
พวกชาวบ้านให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอบีซีของออสเตรเลีย ว่า พบเห็นวาฬเหล่านี้ใกล้กับทางเข้าอ่าวแม็คควารี และให้คำนิยมการเกยตื้นครั้งนี้ว่าเป็น "เหตุการณ์ใหญ่"
เดวิด มิดสัน ผู้จัดการทั่วไปของสภาท้องถิ่นเวสต์โคสต์ เรียกร้องประชาชนให้อยู่ห่างจากสถานที่เกิดเหตุ ส่วนทางกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแทสมาเนียเตือนว่า ในฐานะที่มันเป็นสายพันธุ์คุ้มครอง การเข้าไปจุ้นจ้านใดๆ แม้ว่าจะเป็นซากของวาฬที่ตายแล้วจะถือว่ามีความผิด
โอลาฟ เมย์เนคกี นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งมหาวิทยาลัยกริฟฟิท แสดงความคิดเห็นว่าถือเป็นเรื่องไม่ปกติที่วาฬหัวทุยเกยตื้นชายฝั่ง เขาบอกว่าอุณหภูมิที่อุ่นขึ้นอาจกำลังเปลี่ยนกระแสมหาสมุทรและเคลื่อนย้ายแหล่งอาหารดั้งเดิมของวาฬ
"พวกมันกำลังจะไปในพื้นที่อื่นและกำลังค้นหาแหล่งอาหารที่ต่างออกไปจากเดิม" เมย์เนคกี กล่าว "เมื่อพวกมันทำสิ่งนี้ พวกมันคงไม่ได้อยู่ในสภาพร่างกายที่ดีนัก เพราะว่าพวกมันอาจกำลังอดอยาก ดังนั้นความหิวโหยอาจทำให้พวกเขาต้องยอมเสี่ยงมากขึ้น และว่ายเข้ามาใกล้ชายฝั่งยิ่งขึ้น"
ทันยา พลิเบอร์เซ็ก รัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำของออสเตรเลีย เขียนบนทวิตเตอร์ ระบุว่า ข่าวการเกยตื้นหมู่เป็นเรื่องน่าเศร้า และเธอขอบคุณบรรดาเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ในพื้นที่
เมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ (19 ก.ย.) เพิ่งพบวาฬหัวทุย 14 ตัว เกยตื้นบนเกาะคิง ส่วนหนึ่งของรัฐแทสมาเนีย ในช่องแคบบาสส์ ที่กั้นระหว่างเมลเบิร์นกับชายฝั่งทางเหนือของแทสมาเนีย
เจ้าหน้าที่กำลังพิจารณาว่าจะเคลื่อนย้ายซากวาฬเหล่านี้อย่างไร แต่อาจมีความเป็นไปได้ที่จะปล่อยให้ซากเน่าเปื่อยตามธรรมชาติ เพราะสภาพแวดล้อมของชายฝั่งเต็มไปด้วยโขดหินอาจกีดขวางทำให้เรือไม่สามารถเข้าไปลากซากวาฬลงทะเลได้
การเน่าเปื่อยอาจใช้เวลาหลายเดือน และทางการเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเข้าใกล้เพราะอาจมีเชื้อโรคได้ หรืออาจชนกระแทกได้ตามกระแสน้ำขึ้นลง รวมทั้งขอให้นักว่ายน้ำหรือนักเซิร์ฟระวัง เพราะมีความเสี่ยงที่ซากวาฬจะล่อให้ฉลามว่ายเข้าหาชายฝั่งได้
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่บ่อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายสำหรับรัฐแทสเมเนีย เพราเคยมีวาฬมากถึง 470 ตัว เกยตื้นชายฝั่งเกาะแห่งนี้มาแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน
(ที่มา : อัลจาซีราห์)