ราคาน้ำมันขยับลง 1 ดอลลาร์ในวันพุธ (21 ก.ย.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่อีกรอบเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งอาจเตะถ่วงกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ทางพลังงาน ปัจจัยนี้ฉุดวอลล์สตรีทปิดลบในช่วงท้ายการซื้อขาย ส่วนทองคำดีดตัวขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 79 เซนต์ ปิดที่ 89.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ช่วงต้นของการซื้อขายราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์ จากความกังวลเกี่ยวกับการระดมทหารกองหนุนรัสเซีย ก่อนแกว่งตัวลงมาปิดลบราว 1 ดอลลาร์ จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและอุปสงค์เบนซินที่อ่อนแอในสหรัฐฯ รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ (อีไอเอ) เผยแพร่รายงานในวันพุธ (21 ก.ย.) พบอุปสงค์เบนซินของอเมริกาในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลงสู่ระดับ 8.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (21 ก.ย.) แกว่งตัวไปมา ก่อนดิ่งลงในช่วง 30 นาทีสุดท้ายของการซื้อขาย นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบล่าสุด และมุมมองเกี่ยวกับนโยบายในอนาคตของเฟด
ดาวโจนส์ ลดลง 522.45 จุด (1.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 30,183.78 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 66.00 จุด (1.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,789.93 จุด แนสแดค ลดลง 204.86 จุด (1.79 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,220.19 จุด
หลังเสร็จสิ้นการประชุม 2 วัน คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดแถลงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% เป็นครั้งที่ 3 สู่ระดับ 3.00-3.25% เป็นไปตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ โดยก่อนหน้านี้นักลงทุนมองว่ามีโอกาสแค่ 21% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 1.0%
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่อีก โดยในการประมาณการรอบใหม่ คาดหมายว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะขยับขึ้นไปแตะระดับ 4.40% ในช่วงสิ้นปีนี้ ก่อนขึ้นสู่ 4.60% ในปี 2023 จากเดิมที่เคยคาดการณ์ในเดือนมิถุนายนว่าน่าจะอยู่ที่ราวๆ 3.4% และ 3.8% ตามลำดับ
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2024 ดับความหวังใดๆ ของนักลงทุนที่ปรารถนาเห็นเฟดดำเนินการควบคุมเงินเฟ้อได้ในระยะสั้น
เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะแตะระดับ 3.8% ในสิ้นปีนี้ และเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% ทั้งในปี 2023 และ 2024 ก่อนที่จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 4.3% ในปี 2025 ขณะที่อัตราว่างงานระยะยาวอยู่ที่ 4.0%
ขณะเดียวกัน เฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีการขยายตัวเพียง 0.2% ในสิ้นปีนี้ และดีดตัวสู่ระดับ 1.2% ในปี 2023
ความเคลื่อนไหวปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและรัสเซียยกระดับสงครามในยูเครน กระตุ้นให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ดันราคาทองคำในวันพุธ (21 ก.ย.) ปิดบวก โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 4.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,675.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)