ค่าครองชีพที่พุ่งลิ่วสืบเนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจและสงครามยูเครน กำลังทำให้เกิดกระแสประท้วงไม่พอใจของลูกจ้างพนักงานที่ยุโรป ในวันอังคาร (21 มิ.ย.) พนักงานการรถไฟที่อังกฤษกว่า 40,000 เริ่มผละงาน ถือเป็นการสไตรก์ครั้งใหญ่สุดในรอบกว่า 30 ปี แล้วยังอาจนำไปสู่การประท้วงวงกว้างขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หลังจากเมื่อวันจันทร์ (20) พนักงานราว 70,000 คนในเบลเยียมเดินขบวนทั่วเมืองหลวงเรียกร้องรัฐบาลจัดการค่าครองชีพที่พุ่งลิ่ว ขณะที่การนัดหยุดงานหนึ่งวันในสนามบินบรัสเซลส์ และเครือข่ายขนส่งทั่วประเทศก็ทำให้การเดินทางเกือบเป็นอัมพาต
ที่กรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงเบลเยียมเมื่อวันจันทร์ พวกผู้ประท้วงถือป้ายที่เขียนข้อความว่า “เคารพกันให้มากขึ้น ขึ้นค่าแรง” และ “ยกเลิกภาษีสรรพสามิต” บางคนเรียกร้องรัฐบาลใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นในการแก้ปัญหา บ้างก็ต้องการให้นายจ้างขึ้นค่าแรงและปรับปรุงสภาพการทำงาน
สหภาพแรงงานในเบลเยียมระบุว่า มีผู้เข้าร่วมประท้วง 80,000 คน แต่ตำรวจระบุตัวเลข 70,000 คน
ด้านสนามบินบรัสเซลส์เผยว่า ต้องระงับเที่ยวบินขาออก รวมทั้งยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าส่วนใหญ่ เนื่องจากการประท้วงลุกลามถึงส่วนพนักงานรักษาความปลอดภัย
ขณะเดียวกัน ผู้ดำเนินการระบบขนส่งสาธารณะท้องถิ่นก็ให้บริการได้เพียงจำกัด แม้รถไฟบางสายยังวิ่งได้ตามปกติ ส่วนหนึ่งเพื่อนำผู้ประท้วงเข้าไปรวมตัวในบรัสเซลส์
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อประจำเดือนมิถุนายนของเบลเยียมแตะ 9% สาเหตุหลักคือผลกระทบจากสงครามยูเครนที่มีต่อห่วงโซ่อุปทานตลอดจนถึงราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์
นายกรัฐมนตรีอเล็กซานเดอร์ เดอ ครู ยืนยันว่า พนักงานในเบลเยียมได้รับการคุ้มครองดีกว่าชาติสมาชิกส่วนใหญ่ในสหภาพยุโรป (อียู) เนื่องจากค่าแรงแปรผันตามอัตราเงินเฟ้อ นอกจากนั้น รัฐบาลยังขยายมาตรการลดภาษีการขาย (คล้ายๆ ภาษีมูลค่าเพิ่ม) สำหรับก๊าซ ไฟฟ้า และเชื้อเพลิงจนถึงปลายปี
ส่วนที่อังกฤษในวันอังคาร (21) พนักงานการรถไฟกว่า 40,000 คน ซึ่งรวมถึงรถไฟใต้ดินในลอนดอน เริ่มผละงานจากความขัดแย้งด้านค่าแรง โดยจะมีการหยุดงานอีกในวันพฤหัสฯ (23) และเสาร์ (25) ซึ่งนอกจากเป็นการสไตรก์ครั้งใหญ่สุดในรอบกว่า 30 ปีแล้ว ยังอาจนำไปสู่การประท้วงวงกว้างขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ที่กำลังถูกกดดันให้ช่วยเหลือภาคครัวเรือนที่เผชิญปัญหาเศรษฐกิจหนักหน่วงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ชี้ว่า การประท้วงจะส่งผลร้ายต่อธุรกิจที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด
ขณะที่ทางสหภาพแรงงานประกาศว่า การประท้วงของพนักงานรถไฟเป็นจุดเริ่มต้นของ “ฤดูร้อนแห่งการแสดงความไม่พอใจ” ซึ่งเหล่าครู แพทย์ พนักงานเก็บขยะ และแม้แต่ทนายความต่างเตรียมผละงาน ขณะที่ราคาอาหารและพลังงานพุ่งพรวดผลักอัตราเงินเฟ้อเดินหน้าจ่อ 10%
มิก ลินช์ เลขาธิการพนักงานการรถไฟ การเดินเรือ และการขนส่ง (อาร์เอ็มที) ประกาศว่า แผนการนัดหยุดงานจะดำเนินต่อเนื่องตราบเท่าที่ยังมีความจำเป็น หลังจากสหภาพฯ ไม่สามารถรับได้กับข้อเสนอขึ้นเงินเดือนที่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษซึ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปีอยู่ขณะนี้
ทั้งนี้ แรกเริ่มนั้นอังกฤษฟื้นตัวแข็งแกร่งจากวิกฤตโควิด แต่การขาดแคลนแรงงาน ห่วงโซ่อุปทานติดขัด เงินเฟ้อ และปัญหาการค้าหลังเบร็กซิต กระตุ้นเตือนว่าเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย
รัฐบาลแถลงว่า กำลังเพิ่มการสนับสนุนแก่ครัวเรือนนับล้านที่ยากจนที่สุด แต่เสริมว่า การขึ้นค่าแรงสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อจะทำลายรากฐานเศรษฐกิจ
การสไตรก์ระลอกนี้เกิดขึ้นขณะที่สนามบินในอังกฤษเผชิญความล่าช้าและยกเลิกการให้บริการในนาทีสุดท้ายเนื่องจากขาดแคลนพนักงาน ขณะที่คนอังกฤษจำนวนมากต้องรอหนังสือเดินทางใหม่นานเป็นเดือนเนื่องจากความล่าช้าในกระบวนการดำเนินการ
ปัจจุบัน ทั่วโลกถูกกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่ทะยานสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ อันเนื่องมาจากสงครามยูเครนและการผ่อนคลายข้อจำกัดสกัดโควิดที่ดันราคาพลังงานและอาหารให้แพงขึ้น
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)