ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงระดับสูงของจีน-อเมริกา เจรจากันกว่า 4 ชั่วโมง เมื่อวันจันทร์ (13 มิ.ย.) โดยทั้งสองฝ่ายต่างระบุว่า เป็นการหารือกันอย่าง “ตรงไปตรงมา” ภายหลังรัฐมนตรีกลาโหมของประเทศทั้งสองโต้คารมกันดุเดือดเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วในเรื่องไต้หวัน และประเด็นร้อนอื่นๆ
บรรยากาศการประชุมที่ลักเซมเบิร์กคราวนี้ถือว่าผ่อนคลายลง เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้วที่ เว่ย เฟิ่งเหอ รัฐมนตรีกลาโหมจีนเตือนว่า ปักกิ่งไม่ลังเลที่จะเปิดสงคราม และต่อสู้อย่างถึงที่สุดในเรื่องไต้หวัน ขณะที่ลอยด์ ออสติน นายใหญ่เพนตากอนโจมตีจีนว่ามีกิจกรรมทางการทหารที่เป็นการยั่วยุและบ่อนทำลายเสถียรภาพ
อย่างไรก็ดี บุคคลสำคัญของทั้งสองฝ่ายที่พบกันในลักเซมเบิร์ก ได้แก่ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และหยาง เจียฉือ เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศของจีน ก็ไม่ได้บ่งบอกถึงการประนีประนอมในประเด็นหลักที่มีความเห็นไม่ตรงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องไต้หวันที่จีนถือว่าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน และหากจำเป็นก็พร้อมเข้ายึดด้วยกำลัง
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า หยางกล่าวกับซัลลิแวนว่า ประเด็นไต้หวัน เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรากฐานทางการเมืองแห่งความสัมพันธ์จีน-อเมริกา ดังนั้น หากไม่จัดการอย่างถูกต้องเหมาะสมแล้วอาจส่งผลร้ายแรง พร้อมกับเรียกร้องให้วอชิงตันอย่าได้วินิจฉัยอย่างผิดพลาดหรือมีภาพลวงตาในเรื่องเกี่ยวกับไต้หวัน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาวเผยว่า ซัลลิแวนย้ำนโยบายของสหรัฐฯ ในเรื่องยอมรับอธิปไตยของจีน แต่ก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินการที่ก้าวร้าวและมุ่งใช้อำนาจบังคับของจีนในบริเวณช่องแคบไต้หวัน
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเผยว่า การพบกันระหว่างซัลลิแวน กับหยาง ซึ่งเป็นการติดตามผลมาจากการหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง
ซินหัวรายงานว่า เป็นการหารือที่ “ตรงไปตรงมา ลงลึก และสร้างสรรค์” ขณะที่คำแถลงของทำเนียบขาวระบุว่า เป็นการหารือที่ “ตรงไปตรงมา มีสาระสำคัญ และมีประสิทธิผล”
ความสัมพันธ์จีน-อเมริกาเสื่อมถอยลงตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากทั้งสองมหาอำนาจงัดข้อกันในประเด็นมากมาย ตั้งแต่การค้า ความมั่นคง ไปจนถึงสิทธิมนุษยชนในจีน และล่าสุดคือการที่รัสเซียรุกรานยูเครน
วันจันทร์ ซัลลิแวนตอกย้ำความสำคัญของการเปิดช่องทางสนทนาต่อเนื่องเพื่อจัดการการแข่งขันระหว่างสองประเทศ
ด้านหยางเห็นด้วยเรื่องการหารือกันต่อไปในอนาคต แต่กล่าวชัดเจนว่า ปักกิ่งจะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่ตนเองถือว่าเป็น “เส้นแดง” ซึ่งอย่ามาล่วงละเมิด และกล่าวว่า บางครั้งอเมริกายืนกรานตีกรอบและปิดล้อมจีนในทุกทาง และจีนคัดค้านการใช้การแข่งขันเป็นตัวกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ซินหัวรายงานว่า หยางยังย้ำว่า จีนมีจุดยืนเด็ดเดี่ยวเกี่ยวกับซินเจียง ฮ่องกง ทิเบต ทะเลจีนใต้ รวมถึงสิทธิมนุษยชนและศาสนา
อีกประเด็นสำคัญที่สองมหาอำนาจเห็นต่างกัน คือ เกาหลีเหนือ โดยซัลลิแวนแสดงความกังวลเรื่องที่จีนใช้สิทธิยับยั้งในระหว่างการลงมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อเพิ่มมาตรการแซงก์ชันเปียงยางตามที่วอชิงตันผลักดัน
อเมริกาเตือนว่า โสมแดงอาจทดสอบนิวเคลียร์ได้ทุกเมื่อ หลังจากที่ทดสอบครั้งสุดท้ายในปี 2017 ขณะที่หยางตอบว่า จีนก็ไม่ต้องการให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งในการวีโต้ความพยายามของสหรัฐฯ ในการเพิ่มมาตรการแซงก์ชันเปียงยางเมื่อเดือนที่แล้ว จากกรณีที่โสมแดงฟื้นฟูการทดสอบขีปนาวุธทิ้งตัว ทั้งนี้ปักกิ่งประกาศเรื่อยมาว่ามีแต่การสนทนากันเท่านั้นจึงจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่การแซงก์ชันมีแต่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เผยว่า อเมริกาเชื่อว่า สองประเทศจะร่วมมือกันได้ในประเด็นเกาหลีเหนือ
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)