อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติเตือนในวันพุธ (8 มิ.ย.) ว่าผลลัพธ์จากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย กำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ และมีความเป็นไปได้ที่จะมีผู้คนมากถึง 1,600 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามครั้งนี้
"ผลกระทบของสงครามต่อความมั่นคงทางอาหาร พลังงานและการเงิน เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ รุนแรงและกำลังรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ" เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติกล่าว ระหว่างนำเสนอรายงานฉบับที่ 2 ของสหประชาชาติ ในเรื่องผลกระทบของความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย
เขากล่าวต่อว่า "สำหรับประชาชนทั่วโลก สงครามกำลังเสี่ยงก่อระลอกคลื่นแห่งความหิวโหยและความยากจนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งตามมาด้วยความยุ่งเหยิงทางสังคมและเศรษฐกิจ"
กูเตอร์เรส บอกว่าในขณะที่วิกฤตอาหารในปีนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการไม่สามารถเข้าถึงอาหาร แต่ในปีหน้าอาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขาดแคลน "มีหนทางเดียวที่จะหยุดพายุที่กำลังก่อตัวลูกนี้ นั่นก็คือการรุกรานยูเครนของรัสเซียต้องหยุดลง" เขากล่าววิงวอน
เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ระบุต่อว่าเขาร้องขอหุ้นส่วนทั้งหลาย "ให้ควานหาข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะเปิดทางสำหรับส่งออกอาหารที่ผลิตโดยยูเครนอย่างปลอดภัยและมั่นคงผ่านทะเลดำ และไม่ขัดขวางอาหารและปุ๋ยรัสเซียที่ป้อนเข้าสู่ตลาดโลก"
"ข้อตกลงนี้มีความจำเป็นสำหรับประชาชนหลายร้อยล้านคนในบรรดาประเทศกำลังพัฒนา ในนั้นรวมถึงประเทศในทวีปแอฟริกาในแถบทางใต้ของทะเลทรายซาฮารา" กูเตอร์เรสระบุ
รายงานของยูเอ็น ที่นำโดยผู้แทนทูต รีเบคกา กรีนสแปน คาดหมายว่ามีอยู่ราวๆ 94 ประเทศ ซึ่งมีประชากรรวมกันราวๆ 1,600 ล้านคน อยู่ในภาวะอ่อนแออย่างรุนแรงจากมิติใดมิติหนึ่งของวิกฤตสงครามยูเครน-รัสเซีย และไม่สามารถรับมือกับมันได้
"จาก 1,600 ล้านคน มีอยู่ 1,200 ล้านคน หรือ 3 ใน 4 ที่อยู่ในเหล่าประเทศที่กำลังเผชิญกับภาวะเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ซึ่งอ่อนแออย่างรุนแรงต่อมิติทั้ง 3 ของวิกฤต ทั้งด้านการเงิน อาหารและพลังงานพร้อมๆ กัน" รายงานระบุ
ในรายงานระบุว่าสงครามอาจเพิ่มจำนวนประชาชนที่ตกอยู่ในภาวะความไม่มั่นคงทางอาหารอีก 47 ล้านคนในปี 2022 ส่งผลให้จำนวนผู้คนในกลุ่มนี้พุ่งแตะระดับ 323 ล้านคนในช่วงสิ้นปี พร้อมกับคาดหมายด้วยว่าจะมีชาวแอฟริกาอีกสูงสุด 58 ล้านคน ที่ซวนเซเข้าสู่ความขัดสนในปีนี้
นอกจากนี้ รายงานคาดว่าประชาชนที่มีความขัดสนรุนแรงในตะวันออกกลางและแอริฟาเหนือ จะเพิ่มขึ้นอีก 2.8 ล้านคนในปี 2022 ส่วนในเอเชียใต้มีประชาชน 500 ล้านคนตกอยู่ในความเสี่ยง
(ที่มา : เอเอฟพี)
