เกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าไปกราดยิงโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองทัลซา (Tulsa) รัฐโอคลาโฮมาของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (1 มิ.ย.) เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 4 ศพ และถือเป็นโศกนาฏกรรมจากอาวุธปืนล่าสุดที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ตามหลังเหตุกราดยิงโรงเรียนประถมที่รัฐเทกซัสเพียงแค่ 1 สัปดาห์
เหตุระทึกดังกล่าวเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเซนต์ฟรานซิส (St.Francis Health System hospital) โดยผู้ต้องสงสัยซึ่งใช้ปืนไรเฟิลและปืนพกเป็นอาวุธเสียชีวิตในที่เกิดเหตุด้วย
“ขณะนี้เราพบพลเรือนเสียชีวิต 4 คน มือปืนก็เสียชีวิตด้วย ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะเป็นการยิงตัวเอง” เอริค ดัลเกลช รองผู้กำกับการตำรวจเมืองทัลซา ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ดัลเกลช ยืนยันว่า ตำรวจรีบเดินทางมายังจุดเกิดเหตุภายใน 3 นาที หลังมีผู้โทร.แจ้งว่าเกิดเหตุกราดยิงขึ้นที่โรงพยาบาลเมื่อบ่ายวันพุธ (1) โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามเสียงปืนไปจนถึงบริเวณชั้น 2 ของอาคารนาตาลี (Natalie Building) จนกระทั่งพบตัวเหยื่อและมือปืนในอีก 5 นาทีต่อมา
มาตรการตอบสนองเหตุด่วนเหตุร้ายของตำรวจสหรัฐฯ เริ่มตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น หลังจากที่มีมือปืนบุกเข้าไปกราดยิงนักเรียน 19 คน และครูอีก 2 คน เสียชีวิตคาห้องเรียนที่โรงเรียนประถมร็อบบ์ในเมืองยูวัลดี รัฐเทกซัส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่มัวแต่รอสังเกตการณ์อยู่ภายนอกนานเป็นชั่วโมง
2 สัปดาห์ก่อนเหตุกราดยิงโรงเรียนเทกซัส ก็มีชายผิวขาวบุกเข้าไปยิงคนตาย 10 ศพ ที่ซูเปอร์มาร์เกตในย่านคนผิวสีที่เมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตำรวจได้มีการปรับยุทธวิธีหรือแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการรับมือเหตุกราดยิงหลังเหตุการณ์ที่เทกซัสหรือไม่ ดัลเกลช ตอบว่า “ผมเชื่อว่าทุกคนยังไม่ลืมบทเรียนในวันนั้น”
“พวกเราที่ทัลซามีการพูดคุยเรื่องนี้กันอยู่เสมอ และผมก็พอใจกับมาตรการตอบสนองของเจ้าหน้าที่เราในวันนี้”
ตำรวจทัลซาอยู่ระหว่างระบุตัวตนของคนร้ายซึ่งเป็นชายอายุระหว่าง 35-40 ปี และยังไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อเหตุ
ทำเนียบขาวยืนยันว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุกราดยิงที่โอคลาโฮมาแล้ว และได้เสนอที่จะมอบความช่วยเหลือต่อเจ้าหน้าที่ในทัลซา ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรราว 411,000 คนและอยู่ห่างจากโอคลาโฮมาซิตีไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 160 กิโลเมตร
ที่มา : รอยเตอร์