ราคาน้ำมันปรับขึ้นในวันพุธ (1 มิ.ย.) หลังจีนยุติล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ ซึ่งช่วยเพิ่มอุปสงค์ท่ามกลางตลาดที่ตึงตัวอยู่แล้ว ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความกังวลต่อเงินเฟ้อ ปัจจัยนี้ดันทองคำฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 115.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ ปิดที่ 116.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อียูเห็นพ้องในหลักการเมื่อวันจันทร์ (30 พ.ค.) ให้ปรับลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียลง 90% ในช่วงสิ้นปี ถือเป็นมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงที่สุดของทางกลุ่ม นับตั้งแต่มอสโกเริ่มรุกรานยูเครน ในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร
ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากสถานการณ์ในจีน หลังเซียงไฮ้ ยุติมาตรการล็อกดาวน์อันเข้มข้นสกัดโควิด-19 ในวันพุธ (1 มิ.ย.) หลังบังคับใช้มานาน 2 เดือน ก่อความคาดหมายว่าจะโหมกระพืออุปสงค์ทางพลังงาน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (1 มิ.ย.) ปิดลบ นักลงทุนคาดหมายว่าข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด จะไม่ช่วยผลักธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกจากวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก ที่มีเป้าหมายสกัดเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ดาวโจนส์ ลดลง 176.89 จุด (0.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 32,813.23 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 30.92 จุด (0.75 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,101.23 จุด แนสแดค ลดลง 86.93 จุด (0.72 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,994.46 จุด
สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 455,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 11.4 ล้านตำแหน่งในเดือนเมษายน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากพุ่งแตะระดับ 11.855 ล้านตำแหน่งในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด
อีกด้านหนึ่งข้อมูลกิจกรรมการผลิตของสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นร้อนแรงกว่าที่คาดหมายในเดือนพฤษภาคม ในขณะที่อุปสงค์สินค้ายังคงแข็งแกร่ง คลายกังวลว่าเศรษฐกิจของประเทศคงไม่ถลำเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างปัจจุบันทันด่วน
นักลงทุนจับตาความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนในวันพุธ (1 มิ.ย.) และรายงานฉบับหนึ่งของเฟดที่แสดงให้เห็นว่าภูมิภาคต่างๆ เกือบทั้งหมดของสหรัฐฯ มีอัตราการเติบโตในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ในช่วงเดือนเมษายนจนถึงปลายเดือนพฤษภาคม บ่งชี้ว่าความพยายามของเฟดเริ่มสัมผัสได้
อย่างไรก็ตาม พวกนักยุทธศาสตร์ทั้งหลายคาดหมายว่าเส้นทางข้างหน้าของการซื้อขายในตลาดจะยังคงผันผวนต่อไป จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงสู่ระดับที่บรรดานักลงทุนเชื่อว่าจะทำให้เฟดหยุดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ด้านราคาทองคำในวันพุธ (1 มิ.ย.) ปิดบวก นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ท่ามกลางความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ ปิดที่ 1,848.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)