แอชลีย์ ไบเดน ลูกสาวของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ติดเชื้อโควิด-19 และยกเลิกร่วมทริป จิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลข 1 เดินทางไปยังอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้เป็นพ่อ ส่งผลให้ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงใดๆ
แอชลีย์ ไบเดน มีกำหนดร่วมคณะกับสุภาพสตรีหมายเลข 1 ออกเดินทางไปเยือนเอวาดอร์ในวันพุธ (18 พ.ค.) แต่ต้องยกเลิกเนื่องจากมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก ในขณะที่ จิล ไบเดน ยังมีคิวเยือนปานามาและคอสตาริกาด้วย ก่อนเดินทางกลับวอชิงตันในวันจันทร์หน้า (23 พ.ค.)
อย่างไรก็ตาม ทาง คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวระบุในวันพุธ (18 พ.ค.) ว่าประธานาธิบดีไบเดน ไม่ได้เจอหน้าลูกสาวหลายวันแล้ว ดังนั้นผู้นำรายนี้จึงไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ส่วน มิชาเอล ลาโรซา เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของสุภาพสตรีหมายเลข 1 ยืนยันเช่นกันว่า "แอชลีย์ ไบเดน ไม่ถูกพิจารณาว่าสัมผัสใกล้ชิดกับประธานาธิบดี และสุภาพสตรีหมายเลข 1"
ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ แอชลีย์ไบเดน พลาดการร่วมคณะสุภาพสตรีหมายเลข 1 ในการออกเดินทางเยือนต่างแดน โดยก่อนหน้านี้เธอเคยมีกำหนดเดินทางไปพร้อมกับ จิล ไบเดน ในการเยือนโรมาเนีย สโลวะเกีย และยูเครน เมื่อช่วงต้นเดือน แต่ก่อนออกจากทำเนียบขาว เธอได้รับแจ้งว่าเธอสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลหนึ่งที่มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก
ในเอกวาดอร์ จิล ไบเดน มีกำหนดพบปะกับประธานาธิบดีกีเยร์โม ลัสโซ และกล่าวสุนทรพจน์มุ่งเน้นเรื่องประชาธิปไตยและความท้าทายต่างๆ ของผู้โยกย้ายถิ่นฐานละตินอเมริกา การเดินทางครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่รัฐบาลไบเดนกำลังเผชิญปัญหามากมายในเรื่องของคนเข้าเมือง ในนั้นรวมถึงการโต้เถียงเผ็ดร้อนเกี่ยวกฎหมายที่เรียกว่า Title 42 ยุคสมัยโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเปิดทางผลักดันคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายออกจากประเทศโดยเร็ว ด้วยเหตุผลด้านวิฤตสาธารณสุข
ที่ปานามา จิล ไบเดน จะร่วมกิจกรรมต่างๆ กับ ยาซมิน โคลอน เดอ คาร์ติโซ สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของปานามา พร้อมจะเดินทางไปเยี่ยมเยือนสถานพยาบาลแห่งหนึ่งในปานามา ซิตี ที่ได้รับการสนับสนุนภายใต้โครงการ PEPFAR ของสหรัฐฯ ส่วนในคอสตาริกา เธอจะกำหนดพบปะแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีโรดริโก ชาเวส ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม
การเดินทางเยือนละตินอเมริกาของ จิล ไบเดน จะทำหน้าที่เป็นการแผ้วถางทางก่อนหน้าการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศในทวีปอเมริกา (Summit of the Americas) ซึ่งจะจัดขึ้นที่ลอสแองเจลิส ในเดือนมิถุนายน
ที่ประชุมนี้จัดขึ้นเป็นประจำทุก 3 หรือ 4 ปี และเป็นโต๊ะพูดคุยของบรรดาผู้นำในอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และอเมริกากลาง เช่นเดียวกับแคริบเบียน และในปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพนับตั้งแต่เริ่มขึ้นในปี 1994
(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น/รอยเตอร์)