ลูกชายของเฟอร์ดินาน มาร์กอส อดีตจอมเผด็จการผู้ล่วงลับของฟิลิปปินส์ ในวันอังคาร (10 พ.ค.) คว้าชัยอย่างถล่มทลายศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ในขณะที่ผู้มีสิทธิออกเสียงชาวฟิลิปปินส์เมินคำเตือนว่าการก้าวเข้าสู่อำนาจของเขาอาจทำให้ประชาธิปไตยที่เปราะบางของประเทศตกอยู่ในความเสี่ยง
ผลการนับคะแนนในเบื้องต้นที่ได้ข้อสรุปแล้วมากกว่า 90% พบว่า เฟอร์ดินานด์ "บองบอง" มาร์กอส จูเนียร์ ได้คะแนนเสียงเกือบ 30 ล้านคนะแนน มากกว่าเลนิ โรเบรโด คู่แข่งที่มีคะแนนใกล้เคียงที่สุดกว่าเท่าตัว
มันเป็นการทิ้งห่างแบบไร้ข้อสงสัยใดๆ ในเสียงขานรับอันน่าประหลาดใจที่มีต่อทายาทตระกูลมาร์กอส ซึ่งเคยร่วงหล่นจากเก้าอี้ประธานาธิบดีสู่คนที่สังคมรังเกียจ และหวนคืนสู่อำนาจอีกครั้งในช่วงเวลาห่างกันหลายสิบปี
ในปี 1986 มาร์กอส ซีเนียร์ และอิเมลดา มาร์กอส สุภาพสตรีหมายเลข 1 ผู้อื้อฉาวด้านฉ้อราษฎร์บังหลวง ต้องหลบหนีออกไปยังต่างแดนจากการปฏิวัติพลังประชาชน
การรณรงค์หาเสียงของ มาร์กอส จูเนียร์ มุ่งเน้นไปที่ความพยายามลบล้างเรื่องราวในอดีตระบอบการปกครองที่โหดเหี้ยมและการคอร์รัปชันของตระกูล เช่นเดียวกับอ้าแขนรับ โรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่งยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง
บรรดานักวิเคราะห์มองว่าที่คนในตระกูลมาร์กอสกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง มาจากการใช้สังคมออนไลน์ การโฆษณาชวนเชื่อออนไลน์ หว่านข้อมูลเท็จในโลกออนไลน์ และพยายามลบล้างเรื่องราวในอดีตของตระกูล
มาร์กอส จูเนียร์ ปฏิเสธคำกล่าวหานี้และไม่เข้าร่วมการดีเบตใดๆ ในขณะที่ผู้สนับสนุนมาร์กอส จูเนียร์ จำนวนมาก ไม่เชื่อว่าข่าวฉาว ข้อหาทุจริต และมลทินของตระกูลมาร์กอส เป็นความจริง และถึงระดับที่มองว่า ยุคเผด็จการของมาร์กอส แท้จริงแล้วคือ ‘ยุคทอง’ ของฟิลิปปินส์ด้วยซ้ำ
พวกนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน บรรดาผู้นำคาทอลิกและนักวิเคราะห์การเมืองพากันเตือนว่า มาร์กอส จูเนียร์ อาจปกครองฟิลิปปินส์ด้วยกำปั้นเหล็กที่หนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ หากเขาคว้าชัยชนะแบบทิ้งห่างคู่แข่งอย่างขาดลอย
ระหว่างปราศรัยในช่วงกลางดึกจากกองบัญชาการหาเสียงเลือกตั้งในมะนิลา มาร์กอส จูเนียร์ ซึ่งมีท่าทีอ่อนล้าแต่ยิ้มแย้ม ได้กล่าวขอบคุณอาสาสมัครที่เสียสละทำงานมานานหลายเดือน อย่างไรก็ตาม เขายังไม่กล่าวอ้างชัยชนะ โดยเตือนว่าผลการนับคะแนนยังไม่เสร็จสมบูรณ์
(ที่มา : เอเอฟพี/บีบีซี)