เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล-อัสซาด พบกับผู้นำสูงสุดอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี และประธานาธิบดีอิหร่าน อิบราฮิม ไรซี วันอาทิตย์ (8 พ.ค.) ชี้ บทบาทสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางอ่อนแอลงหลังถูกต่อต้านจากภูมิภาค ท่ามกลางรายงานกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เชื่อตระกูลอัสซาด ปัจจุบันมีทรัพย์สินรวมระหว่าง 1 พันล้านดอลลาร์-2 พันล้านดอลลาร์
อัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์รายงานเมื่อวานนี้ (8 พ.ค.) ว่า สถานีโทรทัศน์ทางการอิหร่านรายงานว่า ประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล-อัสซาด เดินทางเยือนกรุงเตหะรานเช้าวันอาทิตย์ (8) ได้พบผู้นำสูงสุดอิหร่าน อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี และประธานาธิบดีอิหร่าน อิบราฮิม ไรซี
ถือเป็นการเยือนที่เกิดขึ้นน้อยครั้งของอัสซาด และการเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนช่วงสั้นๆ แบบที่ไม่ประกาศกำหนดการล่วงหน้าก่อนที่ผู้นำซีเรียจะเดินทางกลับไปยังกรุงดามัสกัสในวันเดียวกัน
สำนักงานผู้นำสูงสุดอิหร่านออกแถลงยืนยันการเยือนของอัสซาดผ่านทางเว็บไซต์ของตัวเอง พร้อมกันนี้ ได้แสดงภาพการพบปะระหว่างคนทั้งสาม โดยคอเมเนอี กล่าวกับอัสซาดว่า “ชัยชนะของเขาในสงครามระหว่างประเทศได้เพิ่มความน่าเชื่อถือให้ซีเรีย และทางอิหร่านหวังต้องการเพิ่มความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี”
นอกจากนี้ ผู้นำสูงสุดอิหร่านยังกล่าวไปถึงบรรดาประเทศในตะวันออกกลางที่หันกลับไปมีความสัมพันธไมตรีทางการทูตกับอิสราเอล หรือให้มีการพบกันร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอลเกิดขึ้นระหว่างที่ประชาชนประเทศเหล่านี้ออกมาประกาศต่อต้านอิสราเอลในวันอัลกุดส์โลก (Quds Day)
เอเอฟพีรายงานว่า ภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐฯ ที่มีต่อสัญญาอับราฮัม (Abraham Accords) ที่ทำระหว่างอิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหรัฐฯ บรรลุเมื่อวันที่ 13 ส.ค.2020 เปิดทางให้บรรดาชาติเหล่าอาหรับมีสัมพันธไมตรีทางการทูตกับอิสราเอลอีกครั้ง โดยในปี 2020 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน และโมร็อกโก สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตขั้นปกติกับเทลอาวีฟ ทำลายฉันทมติร่วมกันระหว่างชาติอาหรับอายุนานหลายสิบปีที่เห็นชอบร่วมกันว่าจะไม่มีการยอมรัฐอิสราเอลในฐานะรัฐจากการที่เทลอาวีฟไม่ยอมบรรลุข้อตกลงสันติภาพเพื่อสร้างรัฐปาเลสไตน์
เอเอฟพีชี้ว่า อิหร่านถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญของอัสซาด ไม่ต่างจากรัสเซียในสงครามกลางเมืองซีเรียที่ยาวนาน โดยเตหะรานให้ความช่วยเหลืออัสซาดทางการเงินและการทหารระหว่างสงคราม 11 ปี
ในการหารือคอเมเนอี กล่าวกับอัสซาดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเตหะรานและดามัสกัสนั้น “สำคัญ” สำหรับทั้งสองประเทศและพวกเราไม่สมควรทำให้มันอ่อนแอลง เขากล่าว และเสริมต่อว่า “พวกเราสมควรที่จะทำให้มันแข็งแกร่งเท่าที่พวกเราจะสามารถกระทำได้”
อัลญะซีเราะฮ์รายงานว่า ในการหารือระหว่างอัสซาด และประธานาธิบดีอิหร่าน อิบราฮิม ไรซี ซึ่งเป็นการหารือแบบ 1 ต่อ 1 พบว่าไรซีกล่าวว่า ภัยคุกคามจากรัฐบาลอิสราเอลนั้นยังคงต้องจับตา และได้ปวารณาที่จะเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างซีเรียและอิหร่านทั้งด้านเศรษฐกิจและธุรกิจ โดยชี้ว่าถือเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาลไรซี
พร้อมกันนี้ ไรซียังประกาศความพร้อมในการร่วมมือมากขึ้นทั้งการเมืองและความมั่นคงกับซีเรียเพื่อต่อสู้กับการก่อการร้าย
ขณะเดียวกัน ในรายงานยังกล่าวว่า อัสซาดได้กล่าวกับไรซีถึงสหรัฐฯ โดยชี้ว่า บทบาทสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางอ่อนแอลงหลังถูกต่อต้านจากภูมิภาค
“ประสบการณ์ได้พิสูจน์ว่าความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคในปัญหาต่างๆ รวมไปถึงปาเลสไตน์นั้นได้ผลเป็นอย่างมากและการประสบความสำเร็จของชาวปาเลสไตน์ได้แสดงให้เห็นว่า การประนีประนอมโดยชาติอาหรับบางประเทศทำให้นำไปสู่ผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม” ประธานาธิบดีซีเรียกล่าว
DW สื่อเยอรมนีรายงานโดยอ้างจากสำนักข่าวซาน่าของดามัสกัสที่รายงานคำกล่าวของอัสซาดเกี่ยวกับสหรัฐฯ ว่า “อเมริกาในวันนี้อ่อนแอกว่าที่เคย” และเขากล่าวต่อว่า “พวกเราสมควรที่จะดำเนินตามแนวทางนี้ต่อไป” โดยเขาชี้ไปว่า ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างดามัสกัสและเตหะรานนั้นสามารถลดอิทธิพลสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางลง
ทั้งนี้ เอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ว่า กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกรายงานยื่นต่อรัฐสภาคองเกรสสหรัฐฯ ประเมินทรัพย์สินตระกูลอัสซาด ว่าน่ามีทั้งหมดราว 1 พันล้านดอลลาร์-2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยในรายงานนั้นไม่รวมไปถึงบุตรทั้ง 3 ของอัสซาด ซึ่งบุตรอัสซาดอายุต่ำสุดอยู่ที่ 17 ปี ในรายงานกล่าวว่า อัสซาดมีระบบเครือข่ายอุปถัมภ์ที่ซับซ้อน รวมไปถึงบริษัทออฟชอร์และบริษัทบังหน้าต่างๆ ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อทำให้ซีเรียสามารถเข้าถึงแหล่งทางการเงินได้