รัฐบาลบัลแกเรียขู่จะใช้สิทธิ “วีโต” คัดค้านมาตรการแบนนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียที่เสนอโดยบรรดาเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (อียู) หากว่าบัลแกเรียไม่ได้รับการยกเว้น (derogation) ให้ยังสามารถซื้อน้ำมันจากแดนหมีขาวได้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
รัฐบาลยุโรปใกล้บรรลุข้อตกลงเพิ่มการคว่ำบาตรรัสเซียเพื่อตอบโต้สงครามในยูเครน แต่ยังมีกำหนดหารือเพิ่มเติมในวันจันทร์ (9 พ.ค.) เพื่อให้มั่นใจว่าบางประเทศที่พึ่งพาพลังงานจากรัสเซียอย่างมากจะไม่ได้รับผลกระทบหนักจนเกินไป
“จะมีการหารือกันต่อในวันพรุ่งนี้และวันอังคาร (10) ด้วย และอาจจำเป็นต้องมีการประชุมผู้นำอียูเพื่อหาข้อสรุป แต่เรามีจุดยืนชัดเจนว่า ถ้าบางประเทศได้รับการผ่อนปรน เราก็ต้องได้ด้วยเช่นกัน” อัสเซน วัสซิเลฟ รองนายกรัฐมนตรีบัลแกเรีย ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ BNT เมื่อค่ำวานนี้ (8)
“ไม่เช่นนั้นเราจะคัดค้านการคว่ำบาตร แต่ผมเชื่อว่าจากการพูดคุยในเวลานี้ เราคงจะไม่ต้องทำถึงขั้นนั้น” เขากล่าว
ฮังการี สโลวะเกีย และสาธารณรัฐเช็กซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ล้วนแต่พึ่งพาน้ำมันดิบที่นำเข้าจากรัสเซียผ่านท่อส่งน้ำมันที่มีมาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต และขอได้รับสิทธิยกเว้นจากมาตรการแบนน้ำมันรัสเซียในระหว่างที่ยังหาแหล่งอื่นๆ ทดแทนไม่ได้ ขณะที่บัลแกเรียเป็นอีกประเทศที่ขอผ่อนปรนเช่นกัน
แหล่งข่าวในอียูระบุว่า คณะกรรมาธิการยุโรปได้เสนอแก้ไขแผนคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (6) เพื่อให้ 3 ประเทศได้มีเวลาปรับตัวหาแหล่งพลังงานใหม่ ทว่าบัลแกเรียไม่ได้รับการผ่อนผัน
วัสซิเลฟ ชี้ว่า บัลแกเรียจำเป็นต้องได้รับการยกเว้นเช่นกัน เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันเพียงแห่งเดียวของประเทศซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองบูร์กาส (Burgas) ริมทะเลดำ ต้องใช้เวลาอัปเกรดระบบกำจัดกำมะถัน (de-sulfirization facilities) เพื่อรองรับน้ำมันทั้งหมดจากแหล่งอื่นๆ ที่มิใช่รัสเซีย จากปัจจุบันที่โรงงานแห่งนี้กลั่นน้ำมันนำเข้าจากรัสเซียประมาณ 50%
รองนายกฯ บัลแกเรียระบุด้วยว่า หากไม่ได้รับการผ่อนปรนอาจจะก่อความเสี่ยงร้ายแรงด้านสิ่งแวดล้อมต่อเมืองบูร์กาส หรือทำให้โรงกลั่นแห่งนี้ต้องลดกำลังการผลิต ซึ่งจะทำให้น้ำมันขาดตลาดและราคาพุ่งสูงขึ้นไปอีก
ที่มา : รอยเตอร์
