อียูโล่ง! รุดแสดงความยินดี 'มาครง' คว้าชัยศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส

พวกผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) รุดแสดงความยินดีอย่างรวดเร็วกับ เอ็มมานูเอล มาครง หลังเขาเอาชนะศึกเลือกตั้งเหนือคู่แข่งขวาจัดในวันอาทิตย์ (24 เม.ย.) กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย สะท้อนถึงความรู้สึกโล่งใจที่เห็นหนึ่งในประเทศแกนหลักสำคัญของทางกลุ่มรอดพ้นจากคลื่นความช็อกทางการเมือง

จากการคาดการณ์ของเหล่าสำนักโพลต่างๆ ที่ทำการสำรวจให้สถานีโทรทัศน์ทั้งหลายแหล่ของฝรั่งเศส พบว่า มาครง ผู้มีแนวคิดสายกลาง เตรียมคว้าชัยในศึกเลือกตั้งรอบ 2 ด้วยคะแนน 58% ส่วน มารีน เลอแปน ได้คะแนนเสียง 42%

มาครง ถือเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนแรกในรอบ 2 ทศวรรษ ที่คว้าชัยศึกเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัย แต่ผลคะแนนของ เลอแปน แสดงให้เห็นเช่นกันว่าพวกขวาจัดเฉียดใกล้ก้าวขึ้นสู่อำนาจในฝรั่งเศสมากสุดเท่าที่เคยมีมา และเผยให้เห็นว่าประเทศแห่งนี้มีความแตกแยกอย่างรุนแรง

ในการประกาศชัยที่สวนสาธารณะช็องเดอมาร์ส ย่านใจกลางกรุงปารีส ด้านล่างของหอไอเฟล ประธานาธิบดีมาครง ขานรับความขุ่นเคืองของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ที่สนับสนุนคู่แข่งขวาจัดของเขา โดยบอกว่าวาระการดำรงตำแหน่งใหม่นับจากนี้จะเปลี่ยนไปจากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

"ต้องหาคำตอบให้พบ คำตอบของคำถามแห่งความโกรธเคืองและความผิดหวัง ที่ทำให้เพื่อนร่วมชาติของเรามากมายลงคะแนนให้ฝ่ายขวาจัด มันจะเป็นความรับผิดชอบของผมและคนที่อยู่รอบๆ ผม" เขากล่าวกับผู้สนับสนุนหลายพันคนที่ตะโกนเชียร์

นอกจากนี้ มาครง ยังสัญญาจะทบทวนวิธีการบริหารฝรั่งเศส พร้อมระบุว่า "ยุคสมัยใหม่นี้" จะไม่สานต่อสมัยล่าสุดที่ตอนนี้สิ้นสุดลงแล้ว

ด้าน เลอแปน กล่าวกับบรรดาผู้สนับสนุนในปารีส ยอมรับผลการเลือกตั้ง แต่ไม่มีท่าทีว่าจะวางมือจากแวดวงทางการเมือง โดยสตรีวัย 53 ปีรายนี้ ระบุว่าเธอ "จะไม่มีวันทิ้งฝรั่งเศส" และกำลังเตรียมพรัอมสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาในเดือนมิถุนายน

"ผลการเลือกตั้งเป็นตัวแทนของชัยชนะที่ยอดเยี่ยม" เธอกล่าว "เย็นวันนี้ เราเริ่มต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่สำหรับศึกเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา" พร้อมระบุว่า เธอรู้สึกมีความหวังและเรียก้ร้องฝ่ายตรงข้ามประธานาธิบดี เข้าร่วมกับพรรคเนชันแนล แรลลี (RN) ของเธอ

ชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีเบลเยียม และลักเซมเบิร์ก เป็นหนึ่งในผู้นำคนแรกๆ ที่รุดแสดงความยินดีกับ มาครง จากนั้นตามด้วยพวกผู้นำเกือบทุกคนของกลุ่ม 27 ชาติ หลังจากเขาเอาชนะ เลอแปง ด้วยคะแนนทิ้งห่างพอสมควร

"ไชโย มาครง" มิเชล เขียนบนทวิตเตอร์ "ในช่วงเวลาที่วุ่นวายนี้ เราต้องการยุโรปที่มีความเป็นปึกแผ่น และฝรั่งเศสที่มุ่งมั่นต่ออำนาจอธิปไตยและยุทธศาสตร์สหภาพยุโรปมากกว่าเดิม"

หลังจากสหราชอาณาจักรสร้างความประหลาดใจด้วยการลงมติถอนตัวจากอียู และโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 ทางกลุ่มมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ เลอแปน จะปฏิรูปสังคมและเศรษฐกิจ แม้ผลสำรวจความคิดเห็นต่างๆ ก่อนหน้านี้ บ่งชี้ว่า มาครง จะได้รับเลือกกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยก็ตาม

บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ยินดีกับผลการเลือกตั้ง พร้อมสัญญาร่วมมือกับ มาครง และบอกว่า "ฝรั่งเศสคือหนึ่งในพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดและสำคัญที่สุดของเรา"

การได้ เลอแปน นักการเมืองที่มีความเคลือบแคลงสงสัยต่ออียูอย่างรุนแรง และเคยออกมาชื่นชมประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เข้าสู่ทำเนียบประธานาธิบดี อาจก่อผลกระทบใหญ่หลวงต่อเสถียรภาพของอียู จากความคิดเห็นเหล่านักวิเคราะห์และบรรดาผู้แทนทูต

เลอแปน พูดจามานานเกี่ยวกับความคิดถอนตัวจากกลุ่ม แม้เธอยืนยันว่าไม่มี "วาระซ่อนเร้น" ในเวลานี้สำหรับถอนตัวจากอียู

คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส ใช้ถ้อยคำอบอุ่นขานรับชัยชนะของนักการเมืองโปรธุรกิจอย่างมาครง โดยระบุว่า "ผู้นำที่เข้มแข็งมีความจำเป็นในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเช่นนี้"

บรรดาผู้นำของสวีเดน ลิทัวเนีย โรมาเนีย ฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ และกรีซ เช่นเดียวกับ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ต่างรุดแสดงความยินดีกับผลการเลือกตั้งภายในเวลาเพียงราวๆ ครึ่งชั่วโมง

"ผมตั้งตาสานต่อความร่วมมืออย่างครอบคลุมและสร้างสรรค์ภายในอียูและนาโต้ และเสริมความเข้มแข็งในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเราให้มากขึ้นไปอีก" มาร์ค รุตต์ นายกรัฐมตรีเดนมาร์กกล่าว ส่วน คริสเตียน ลินด์เนอร์ รัฐมนตรีคลังของเยอรมนี ระบุว่า ยุโรปคือผู้ชนะรายใหญ่ที่สุด ขณะที่นายกรัฐมนตรี โอลาฟ โชลซ์ เสริมว่าจะสานต่อความร่วมมือระหว่างเยอรมนีกับฝรั่งเศส ซึ่งถูกมองในฐานะเครื่องยนต์หลักแห่งการบูรณาการยุโรป

มาริโอ ดรากิ นายกรัฐมนตรีอิตาลี กล่าวว่าการได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยของมาครง "เป็นข่าวที่ยอดเยี่ยมสำหรับทั่วยุโรป"

เปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีสเปน ทวีตข้อความแสดงความยินดีกับมาครง หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อวันพฤหัสบดี (21 เม.ย.) เขาเขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ Le Monde ของฝรั่งเศส ร่วมกับนายกรัฐมนตรี อันโตนิโอ คอสตา ของโปรตุเกส และ โชลซ์ วิพากษ์วิจารณ์เลอแปน พรร้อมเรียกร้องประชาชนลงคะแนนโหวตให้มาครง

(ที่มา : รอยเตอร์)