น้ำมัน-ทองพุ่งพรวด! หลังสหรัฐฯ-ยุโรปขู่แบนนำเข้าพลังงานจาก ‘รัสเซีย’

สหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตกเตรียมพิจารณาแบนการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้กรณีการบุกยูเครน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ช่วงเวลาหนึ่งของเช้านี้ (7 มี.ค.) พุ่งขึ้น 18% ไปอยู่ที่ 139.18 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เกือบแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ขณะที่ราคาทองคำพุ่งทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวซึ่งให้ข้อมูลเมื่อวานนี้ (6 มี.ค.) ว่า บรรดาชาติยุโรปซึ่งพึ่งพาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเริ่มส่งสัญญาณหนุนมาตรการแบนเชื้อเพลิงจากแดนหมีขาวมากขึ้นในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ระบุในจดหมายว่า สภาฯ กำลังพิจารณาข้อกฎหมายเพื่อแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ส่วนสภาคองเกรสเตรียมที่จะอนุมัติความช่วยเหลือให้แก่ยูเครนอีก 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในสัปดาห์นี้

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์รายการ Meet the Press ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีว่า “เรามีการหารืออย่างจริงจังกับหุ้นส่วนในยุโรปเกี่ยวกับการระงับนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยจะต้องควบคุมอุปทานน้ำมันโลกให้อยู่ในภาวะเสถียรด้วย”

บลิงเคน ซึ่งอยู่ระหว่างเดินสายเยือนยุโรปเพื่อรวบรวมพันธมิตรของอเมริกาตอบโต้ปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ยืนยันว่าเขาได้พูดคุยกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน และคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแบนน้ำมันรัสเซียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (5)

ด้านญี่ปุ่นซึ่งมีรัสเซียเป็นซัปพลายเออร์น้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 5 กำลังพูดคุยกับทางสหรัฐฯ และยุโรปในประเด็นนี้เช่นกัน ตามรายงานของสำนักข่าวเกียวโดวันนี้ (7) ขณะที่ ฮิโรคาซุ มัตสุโนะ โฆษกรัฐบาล ยังคงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อสื่อมวลชน

หลังจากรัสเซียส่งทหารบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ทำเนียบขาวก็ตอบโต้ด้วยการคว่ำบาตรการส่งออกเทคโนโลยีให้แก่โรงกลั่นน้ำมันรัสเซีย รวมไปถึงโครงการท่อส่งก๊าซ “นอร์ด สตรีม 2” ซึ่งยังไม่ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการ ทว่าจนถึงตอนนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังไม่ได้มีบทลงโทษที่พุ่งเป้าไปยังภาคการส่งออกน้ำมันและก๊าซของรัสเซียโดยตรง เนื่องจากกังวลกระทบต่อตลาดน้ำมันและราคาพลังงานโลก

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสหรัฐฯ จะไม่ใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียฝ่ายเดียวใช่หรือไม่? บลิงเคน ไม่ตอบรับหรือว่าปฏิเสธ แต่ย้ำว่ามาตรการนี้ “จะต้องเริ่มจากการร่วมมือกับพันธมิตรและหุ้นส่วน” เป็นอันดับแรก

สหรัฐอเมริกาได้ชื่อว่าเป็นชาติผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก เนื่องจากใช้ยานพาหนะที่มีขนาดใหญ่ การขับขี่ในระยะทางไกล และหลายพื้นที่ยังไม่มีขนส่งสาธารณะให้บริการมากพอ ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันเป็นเรื่องใหญ่ที่ผู้นำสหรัฐฯ ทุกคนต้องให้ความสำคัญ

ราคาน้ำมันเฉลี่ยต่อแกลลอนในสหรัฐฯ พุ่งไปอยู่ที่ 4.009 ดอลลาร์เมื่อวันอาทิตย์ (6) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน ก.ค. ปี 2008 ตามข้อมูลจากสมาคมยานยนต์อเมริกัน (AAA)

สหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกลั่นจากรัสเซียมากกว่า 20.4 ล้านบาร์เรลต่อเดือนในปี 2021 หรือคิดเป็น 8% ของเชื้อเพลิงของเหลวทั้งหมดที่นำเข้าจากต่างประเทศ ตามข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA)

ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี