หน่วยงานเฝ้าระวังทางสุขภาพแห่งยุโรปแถลงกำลังตรวจสอบทบทวนความเป็นไปได้ของความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นากับไฟเซอร์ กับภาวะประจำเดือนผิดปกติ หลังได้รับรายงานจากพวกผู้หญิงหลายพันคน
องค์การยาแห่งยุโรป (อีเอ็มเอ) ระบุเมื่อวันศุกร์ (11 ก.พ.) ว่าคณะกรรมการความปลอดภัย (PRAC) กำลังประเมินรายงานต่างๆ เกี่ยวกับเคสประจำเดือนมามาก (Heavy menstrual bleeding) และภาวะขาดประจำเดือน (Amenorrhea) กับวัคซีนโควิดโคเมอร์เนตี (ไฟเซอร์) และวัคซีนสไปค์แว็กซ์ (โมเดอร์นา)
คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบแห่งนี้เน้นว่า จากการวิเคราะห์รายงานรอบประจำเดือนที่เปลี่ยนไป ทาง PRAC สรุปว่า "หลักฐานไม่ได้สนับสนุนความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างวัคซีนเหล่านี้กับภาวะประจำเดือนผิดปกติ อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการตัดสินใจขอให้มีการประเมินในเชิงลึกในทุกข้อมูลที่มี ทั้งในแง่เกี่ยวกับรายงานอาการอันไม่พึงประสงค์ภาวะประจำเดือนผิดปกติกับวัคซีนทั้ง 2 ตัวและผลการค้นพบจากงานวิจัย"
องค์การยาแห่งยุโรปแถลงว่า ภาวะประจำเดือนผิดปกติเกิดขึ้นได้ทั่วไปและบางทีอาจมีต้นตอจากปัจจัยมากมายต่างๆ ในนั้นรวมถึงความเครียดและความเหนื่อยล้า ดังนั้น ในเวลานี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสรุปว่ามันมีความสัมพันธ์เชิงเหตุผลกับวัคซีนโควิด-19 หรือไม่ ทั้งประจำเดือนมากผิดปกติและภาวะขาดประจำเดือน
"ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าวัคซีนโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์" องค์การยาแห่งยุโรประบุ
คำแถลงของอีเอ็มเอมีขึ้นตามหลังถ้อยแถลงคล้ายกันของสำนักงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของสหราชอาณาจักร (MHRA) ในเดือนสิงหาคมปีก่อน ซึ่งบอกว่ากำลังทบทวนรายงานภาวะประจำเดือนผิดปกติหลังจากฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตาม พวกเขาบอกว่าจำนวนรายงานนั้น "อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับจำนวนผู้เข้ารับวัคซีนโควิด-19 ในตอนนั้นและภาวะประจำเดือนผิดปกตินั้นพบเห็นได้ทั่วไป"
จากข้อมูลของ MHRA จนถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2022 พบว่ามีเคสต้องสงสัยภาวะประจำเดือนผิดปกติ 49,427 ราย หลังจากฉีดวัคซีน 3 ยี่ห้อที่ใช้ในสหราชอาณาจักร ประกอบด้วย ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และแอสตร้าเซนเนก้า
งานวิจัยโดยแพทย์หญิงวิคตอเรีย เมล จากอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน ซึ่งเผยแพร่ในวารสารการแพทย์ British Medical Journal ชี้ว่าแม้การเปลี่ยนแปลงในรอบประจำเดือนหลังฉีดวัคซีนจะเกิดขึ้นแค่ "ช่วงสั้นๆ" แต่การดำเนินการวิจัยอย่างแน่วแน่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของผลข้างเคียงนี้ "ยังคงมีความสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จในภาพรวมของโครงการวัคซีน"
(ที่มา : รัสเซียทูเดย์)