สะพานข้ามหุบเขาแห่งหนึ่งในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนียของสหรัฐฯ พังถล่มลงมาเมื่อวานนี้ (28 ม.ค.) ก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเดินทางไปถึงเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง นับเป็นอีกเหตุการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเก่าแก่ทรุดโทรมของโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐฯ ที่กำลังกลายเป็นปัญหาเร่งด่วน
ผู้นำสหรัฐฯ เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ และยืนมองซากสะพานเฟิร์นฮอลโลว์ (Fern Hollow Bridge) ซึ่งสร้างมานานกว่า 50 ปี ด้วยสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด
“การที่โครงสร้างพื้นฐานเรายังล้าหลังมากขนาดนี้ มันน่าตกใจนะ” ไบเดน กล่าวกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและหน่วยกู้ภัย ซึ่งให้ข้อมูลว่าเสียงของสะพานที่พังถล่มนั้นดังสนั่นราวกับเสียงของ “เครื่องยนต์เจ็ต” และยังทำให้ท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่อยู่ใต้สะพานเกิดการรั่วไหลจนต้องมีการอพยพประชาชนนานหลายชั่วโมง
อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 6.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เชือกช่วยดึงตัวผู้ประสบภัยขึ้นมาจากหุบเขาที่ลึกราว 46 เมตร
เหตุการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 10 ราย โดย 4 รายถูกนำส่งโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่ยังคงค้นหาใต้สะพานเพื่อดูว่าจะมีเหยื่อติดค้างอยู่อีกหรือไม่
กรณีสะพานถล่มคราวนี้ยังกระตุ้นให้ภาครัฐต้องเร่งซ่อมแซมสะพาน ทางหลวง และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาที่ใช้งานมายาวนานหลายสิบปี โดยจะใช้งบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์จากกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานที่ ไบเดน ได้ลงนามไปเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว
รัฐเพนซิลเวเนียมีสะพานมากถึง 3,189 แห่งที่ถูกจัดว่าอยู่ในสภาพ “ทรุดโทรม” ตามข้อมูลของกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่ารู้สึก “ทึ่ง” เมื่อทราบว่าพิตต์สเบิร์กเป็นเมืองที่มีสะพานมากกว่าเมืองใดๆ ในโลก พร้อมรับปากว่า “จะซ่อมแซมให้ครบทุกแห่ง” ก่อนจะออกเดินทางเพื่อไปปฏิบัติภารกิจต่อไป
ที่มา : รอยเตอร์