จำนวนชาวอเมริกันในเสียชีวิตจากโควิด-19 ในแต่ละวัน เวลานี้แตะระดับสูงลิ่วพอๆ กับช่วงพีกสุดของการแพร่ระบาดตัวกลายพันธุ์เดลตา ข้อมูลอันน่าเศร้าที่บรรดาพวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามันจะพุ่งสูงกว่านี้อีก
ข้อมูลพบว่าเวลานี้ค่าเฉลี่ยผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ อยู่ที่กว่า 2,000 คนต่อวัน พอๆ กับระดับที่พบเห็นเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน ครั้งที่ประเทศแห่งนี้เผชิญกับการแพร่ระบาดอย่างหนักหน่วงของตัวกลายพันธุ์เดลตา
อย่างไรก็ตาม ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่นั้นเป็นคนชราอายุ 65 ปีขึ้นไป หรือไม่ก็เป็นบุคคลที่ยังไม่ฉีดวัคซีน
จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮ็อปกินส์ พบว่า ค่าเฉลี่ยผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายวัน พุ่งผ่าน 2,000 คนต่อวัน เมื่อวันที่ 21 มกราคม และขยับขึ้นไปอยู่ที่ราว 2,033 ต่อวัน ในวันที่ 23 มกราคม ใกล้เคียงกับช่วงพีกสุดของตัวกลายพันธุ์เดลตาเมื่อเดือนกันยายน
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้มีผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่าช่วงการแพร่ระบาดระลอกเดลตา สืบเนื่องจากพบเคสผู้ติดเชื้อสูงกว่ากันมาก โดยค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อรายวันระลอกปัจจุบันในสหรัฐฯ แซงหน้าระลอกที่ผ่านมาไกลแล้ว
นายแพทย์อับราร์ คาราน แพทย์ด้านโรคติดเชื้อแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซี ว่า ปัจจัยหลักของจำนวนผู้เสียชีวิตค่อนข้างสูงคือ มีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก แม้ว่าอาการต่างๆ จากการติดเชื้อโอมิครอน โดยทั่วไปแล้วจะรุนแรงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการติดเชื้อเดลตา
ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) พบว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ สูงสุดราว 75% เป็นบุคคลที่มีอายุ 75 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ จากสถิติยังบ่งชี้ด้วยว่าบุคคลที่ยังไมฉีดวัคซีนมีโอกาสเสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่าคนที่ฉีดเข็มกระตุ้นแล้วราวๆ 100 เท่าเลยทีเดียว
"สิ่งที่พบเจอทั่วไปในเรื่องเกี่ยวกับระลอกโอมิครอน คือ มันส่งผลกระทบส่วนใหญ่กับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ทั้งในแง่ของความรุนแรง อัตราเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและความเสี่ยงเสียชีวิตจากการติดเชื้อ" นายแพทย์มาร์ค คาเมรอน รองศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเคสเวสเทิร์นในรัฐโอไฮโอ สหรัฐฯกล่าว "มันชัดยิ่งกว่าชัด"
ในสหรัฐฯ มีประชาชนฉีดวัคซีนครบเข็มแล้วคิดเป็นสัดส่วนเพียง 63% และที่ฉีดไปเพียงบางเข็มมีสัดส่วน 12%
ศาสตราจราย์เดวิด ลาร์เซน นักระบาดวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขแห่งมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ ตั้งข้อสังเกตว่าบางทีจำนวนผู้เข้ารับวัคซีนที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นปัจจัยเสริมให้จำนวนผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตในหมู่คนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากคนฉีดวัคซีนแล้วมักชะล่าใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กลับไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงมากขึ้น ซึ่งกลายเป็นว่านำเชื้อไปติดเพื่อนฝูงที่ยังไม่ฉีดวัคซีน
รองศาสตราจารย์คาเมรอน บอกว่าในหลายๆ เคสอันตรายของอเมริกันชนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ยังถูกห้อมล้อมด้วยปัจจัยอื่นต่างๆ ในนั้นรวมถึงอายุและโรคประจำตัว อย่างเช่น โรคอ้วนและความดันโลหิตสูง
พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ในระยะสั้นจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันน่าจะเพิ่มขึ้นไปกว่านี้ โดยนายแพทย์คาเมรอน เตือนว่า จุดพีกสุดของการเสียชีวิตมักเกิดขึ้นตามหลังช่วงพีกสุดของเคสผู้ติดเชื้อประมาณ 1 เดือน บ่งชี้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตน่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างน้อยๆ ก็อีกหลายสัปดาห์ข้างหน้า
นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2020 มีชาวอเมริกันและผู้พักอาศัยในสหรัฐฯ แล้วมากกว่า 866,000 คนเสียชีวิตจากโควิด-19
(ที่มา : บีบีซี)