คนที่เคยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สามารถป้องกันตัวกลายพันธุ์เดลตา ได้ดีกว่าคนที่ฉีดวัคซีนเพียงอย่างเดียว บ่งชี้ว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติมอบโล่ป้องกันที่มีศักยภาพเหนือกว่าการฉีดวัคซีน ในการรับมือกับตัวกลายพันธุ์ดังกล่าว ตามรายงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์กที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (19 ม.ค.)
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาพบว่าประสิทธิภาพในการป้องกันตัวกลายพันธุ์เดลตาสูงสุดก็คือกลุ่มคนที่ทั้งฉีดวัคซีนแล้วและเคยติดเชื้อโควิด-19 มาก่อน ส่วนประสิทธิภาพป้องกันต่ำสุด ได้แก่ กลุ่มคนที่ไม่เคยติดเชื้อเลยหรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
กระนั้นก็ตามผลการศึกษาที่เผยแพร่ในรายงานการเจ็บป่วยและเสียชีวิตรายสัปดาห์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า วัคซีนยังคงเป็นยุทธศาสตร์ที่ปลอดภัยที่สุดในการรับมือกับโควิด-19 และผลการศึกษานี้ยังไม่ครอบคลุมถึงตัวกลายพันธุ์โอมิครอนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเวลานี้คิดเป็นสัดส่วน 9935% ของเคสผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯ
"หลักฐานในรายงานนี้ไม่ได้เปลี่ยนคำแนะนำด้านวัคซีนของเรา" นายแพทย์เบน ซิลค์ จากซีดีซี และหนึ่งในการเขียนผลการศึกษาดังกล่าว แถลงกับสื่อมวลชน "เรารู้ว่าวัคซีนยังคงเป็นแนวทางที่ปลอดภัยที่สุดในการปกป้องตัวพวกคุณเองจากโควิด-19" เขากล่าว
ผลการศึกษานี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก รวบรวมข้อมูลจากเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เดลตายังคงเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ
รายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าคนที่เคยติดเชื้อมาก่อนมีอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ต่ำกว่าคนที่ฉีดวัคซีนเพียงอย่างเดียว ซึ่งเปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งที่ตัวกลายพันธุ์อัลฟาเป็นสายพันธุ์หลัก นายแพทย์ซิลค์ระบุ "ก่อนตัวกลายพันธุ์เดลตา วัคซีนโควิดมอบประสิทธิภาพการป้องกันการติดเชื้อในภายหลัง ได้ดีกว่าการเคยติดเชื้อมาก่อน"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงใน 2021 เดลตากลายเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดระลอกแล้วระลอกเล่าในสหรัฐฯ "เวลานี้ ผู้อยู่รอดจากการเคยติดเชื้อมาก่อน สามารถป้องกันการติดเชื้อในภายหลังได้ดีกว่าฉีดวัคซีน" เขากล่าว
กระนั้น ภูมิคุมกันที่ได้มาผ่านการติดเชื้อโดยธรรมชาติก็ตามมาด้วยความเสี่ยงในระดับสูง โดยจากผลการศึกษาที่จัดทำจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2021 พบว่ามีชาวแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก เสียชีวิตจากโควิด-19 ราวๆ 130,781 คน
ผลการวิเคราะห์ไม่นับรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยอาการรุนแรงและอาการป่วยไข้ต่างๆจากการติดเชื้อในครั้งแรก และที่สำคัญการศึกษาสิ้นสุดแล้ว ก่อนมีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในวงกว้าง
แพทย์หญิงเอริกา แพน นักระบาดวิทยาแห่งกระทรวงสาธารณสุขแคลิฟอร์เนีย ระบุในอีเมล ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าวัคซีนมอบการป้องกันที่ปลอดภัยต่อโควิด-19 และมอบการป้องกันเพิ่มเติมแก่คนที่เคยติดเชื้อมาแล้ว
"นอกเหนือจากผลการศึกษานี้ ช้อมูลเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งแพร่ระบาดได้ง่าย แสดงให้เห็นว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นช่วยเพิ่มการป้องกันอย่างมากต่อการติดเชื้อ อาการหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต" แพน กล่าว
ซิลค์ กล่าวว่า ทางซีดีซีกำลังศึกษาผลกระทบของการฉีดวัคซีน วัคซีนเข็มกระตุ้นและการเคยติดเชื้อมาก่อนต่อการแพร่ระบาดระลอกโอมิครอน และคาดหมายว่าจะเผยแพร่รายงานเพิ่มเติมเมื่อมีข้อมูลเข้ามา
(ที่มา : รอยเตอร์)