กองทหารสหรัฐฯ ในญี่ปุ่นประกาศให้กำลังพลของตนงดเดินทางออกจากค่ายพักถ้าไม่จำเป็นเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ (10 ม.ค.) ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่าการระบาดของโควิด-19 ในฐานทัพอเมริกันเหล่านี้ทำให้ยอดติดเชื้อในชุมชนท้องถิ่นพุ่งพรวด ด้านออสเตรเลียเผยยอดติดเชื้อสะสมทะลุ 1 ล้านคน โดยกว่าครึ่งเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับอินเดียที่เจอฤทธิ์โอมิครอนดันเคสใหม่รายวันพุ่งเกือบ 8 เท่านับจากปีใหม่ ขณะที่จีนยกระดับสกัดการระบาดในเมืองเทียนจิน หลังพบความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้อโอมิครอนล่าสุด 2 คนในเมืองอันหยาง
รัฐบาลญี่ปุ่นและกองทหารสหรัฐฯ ในแดนอาทิตย์อุทัย ออกคำแถลงร่วมเมื่อคืนวันอาทิตย์ (9) ว่า ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์นับตั้งแต่วันจันทร์ (10) บุคลากรของกองทหารอเมริกันจะออกมานอกพื้นที่ทางทหารและนอกฐานทัพเฉพาะเพื่อประกอบกิจกรรมที่มีความจำเป็น นอกจากนั้น พวกเขายังจะสวมหน้ากากป้องกันเมื่อออกจากที่พัก ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกฐานทัพก็ตาม
คำแถลงนี้ออกมาในวันเดียวกับที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศกลับมาใช้มาตรการจำกัดเข้มงวดเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ใน 3 พื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพสหรัฐฯ โดยที่หนึ่งในนั้นคือ โอกินาวา ทั้งนี้มีการใช้มาตรการควบคุมฉุกเฉินเช่นนี้มาครั้งหนึ่งในช่วงตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว
พวกเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นจำนวนมากเชื่อว่า หลายๆ คลัสเตอร์ของผู้ติดเชิ้อโควิด-19 ซึ่งพบเมื่อไม่นานมานี้ มีต้นตอจากทหารอเมริกันที่ติดเชื้อ เดินทางออกจากค่ายมาสัมผัสกับพวกชาวบ้านชาวเมืองท้องถิ่น
โดยที่ในช่วงกลางเดือนธันวาคม กองทัพสหรัฐฯ รายงานว่า พบคลัสเตอร์ทหารอเมริกันติดเชื้อที่ฐานทัพแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในโอกินาวา แล้วต่อมาก็เจอเคสขึ้นสูงลิ่วในชุมชนท้องถิ่นในบริเวณนั้น
เมื่อวันศุกร์ (7) ระหว่างการหารือของรัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหมของฝ่ายญี่ปุ่นกับฝ่ายสหรัฐฯ ทางฝ่ายญี่ปุ่นได้เตือนฝ่ายสหรัฐฯ ให้ใช้กฎระเบียบต่อต้านโรคระบาดใหญ่ที่เข้มงวดมากขึ้นกับกองทหารอเมริกัน
ถึงแม้ญี่ปุ่นบังคับใช้มาตรการควบคุมพรมแดนอย่างกวดขัน เช่น กักตัวและตรวจโควิดผู้ที่เดินทางเข้าประเทศหลายครั้ง แต่กลับไม่ได้ใช้กฎนี้กับทหารอเมริกัน โดยที่รัฐมนตรีต่างประเทศโยชิมาซา ฮายาชิ บอกว่า ทหารที่มายังแดนอาทิตย์อุทัย ไม่ได้รับการตรวจเชื้อเลยเมื่อเดินทางมาถึง รวมทั้งไม่ต้องถูกกักตัว จนกระทั่งในช่วงหลังๆ มานี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข
ในส่วนของออสเตรเลีย รายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 1 ล้านคนเมื่อวันจันทร์ โดยกว่าครึ่งเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ยังคงเดินหน้าแผนเปลี่ยนกฎการกักตัวเพื่อให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการสามารถกลับไปทำงานในภาคการผลิตและจัดจำหน่ายอาหารได้ และย้ำว่า ในสถานการณ์การระบาดของโอมิครอนมีทางเลือกสองทางระหว่างการเดินหน้าต่อกับการล็อกดาวน์ ซึ่งออสเตรเลียจะเลือกทางเลือกแรก
อนึ่ง เมื่อวันจันทร์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออสเตรเลียเตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดกว่า 67,000 คนอาจต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากบางรัฐไม่รวมผู้ติดเชื้อที่ใช้ชุดตรวจเองที่บ้าน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในวันอาทิตย์อยู่ที่เกือบ 100,000 คน
วันเดียวกันนั้น ออสเตรเลียยังเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กอายุ 5-11 ปี หลังจากก่อนหน้านี้เริ่มฉีดเข็มกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปแล้ว
ทางด้านอินเดีย ทางการเริ่มฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้บุคลากรการแพทย์และผู้สูงวัยที่มีความเสี่ยงเมื่อวันจันทร์ ขณะที่โอมิครอนระบาดอย่างรวดเร็ว และทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวันเพิ่มขึ้นเกือบ 8 เท่าตัวนับจากต้นปี
อินเดียรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 179,723 คนเมื่อวันจันทร์ ส่วนใหญ่อยู่ใน 3 เมืองใหญ่สุด ได้แก่ เดลฮี มุมไบ และโกลกาตา โดยโอมิครอนเป็นสายพันธุ์หลักในการระบาดขณะนี้ และมีผู้เสียชีวิต 146 คน ขณะที่ยอดรวมสะสมอยู่ที่ 483,936 คนนับจากที่โควิดระบาดเมื่อต้นปี 2020 ถือเป็นประเทศที่ 3 ที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิดมากที่สุดในโลกรองจากอเมริกาและบราซิล และเป็นประเทศที่ 2 รองจากอเมริกา ที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงที่สุดในโลกคือ 35.7 ล้านคน
เจ้าหน้าที่รัฐบาลบางคนเผยว่า กำลังดำเนินการภายใต้สมมติฐานว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันอาจทำลายสถิติเดิมที่กว่า 414,000 คนเมื่อเดือนพฤษภาคม โดยอิงกับสถานการณ์ในประเทศต่างๆ เช่น อเมริกาที่ก่อนหน้านี้พบผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 1 ล้านคน
สำหรับจีน การพบผู้ติดเชื้อโอมิครอน กลายเป็นอีกบททดสอบต่อยุทธศาสตร์โควิดเป็นศูนย์ของแดนมังกร ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังต่อสู้กับการระบาดในหลายเมือง ซึ่งรวมถึงซีอาน ที่ประชาชน 13 ล้านคนอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นสัปดาห์ที่ 3 นอกจากนั้น ปักกิ่งยังนับถอยหลังการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวที่จะเริ่มต้นในเดือนหน้า
เวลาเดียวกันนั้น ความกังวลกับคลัสเตอร์ในเมืองเทียนจินเพิ่มทวีคูณ หลังพบว่าผู้ติดโอมิครอนใหม่ 2 คนที่มีการรายงานในวันจันทร์ (10) ในเมืองอันหยาง มณฑลเหอหนาน มาจากการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อซึ่งเดินทางจากเทียนจิน ที่อยู่ห่างออกไปราว 400 กิโลเมตร
วันอาทิตย์ (9) รัฐบาลเมืองซีอานแถลงให้ประชาชนงดเดินทางออกจากเมือง ยกเว้นมีเหตุจำเป็น ซึ่งต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการและมีผลตรวจโควิดเป็นลบภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง
ทางการยังสั่งปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัย รวมทั้งยกเลิกบริการรถไฟไปปักกิ่ง และมีการตั้งจุดตรวจบนถนนในเส้นทางเข้าสู่เมืองหลวง
ทั้งนี้ เทียนจินที่อยู่ห่างจากปักกิ่ง 150 กิโลเมตร เริ่มระดมตรวจประชาชน 14 ล้านคนเมื่อวันอาทิตย์ และเมื่อวันจันทร์มีการรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21 คน แต่ไม่ได้ระบุว่า เป็นสายพันธุ์ใด
กู ชิง ผู้อำนวยการคณะกรรมการสาธารณสุขเทศบาลเทียนจิน เปิดเผยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนและผู้ปกครองที่ไปยังโรงเรียนและสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งเดียวกัน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เมืองอันหยางประกาศตรวจประชาชนทั้งหมดกว่า 5 ล้านคนในช่วงสุดสัปดาห์ ก่อนแถลงในวันจันทร์ว่า พบผู้ติดโอมิครอน 2 คนที่เชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ในเมืองเทียนจิน ขณะที่ทั้งมณฑลเหอหนานพบเคสใหม่ 60 คน
อนึ่ง ก่อนพบคลัสเตอร์ล่าสุด จีนมีผู้ติดโอมิครอนเพียงไม่กี่คน และทั้งหมดเชื่อมโยงกับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)