ประชาชนมากกว่า 100,000 คน ชุมนุมทั่วฝรั่งเศสในวันเสาร์ (8 ม.ค.) เพื่อประท้วงแผนของรัฐบาลที่เตรียมจำกัดสิทธิคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเพิ่มเติม ไม่กี่วันหลังจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ประกาศลั่นว่าจะทำให้คนที่ปฏิเสธฉีดวัคซีนต้อง “ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก”
จำนวนผู้เข้าร่วมในครั้งนี้มากกว่าการชุมนมเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ถึง 4 เท่า โดยคราวนั้นมีประชาชนออกมารวมตัวประท้วงประมาณ 25,500 คน
พวกผู้ประท้วงต่อต้านแผนออกกฎหมายฉบับหนึ่งซึ่งจะบังคับบุคคลต่างๆ ต้องพิสูจน์ว่าฉีดวัควีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ครบเข็มแล้วก่อนเข้าไปรับประทานอาหารในร้านอาหาร เดินทางด้วยขบวนรถไฟระหว่างเมืองและเข้ากับกิจกรรมวัฒนธรรมต่างๆ
เมื่อวันพฤหัสบดี (6 ม.ค.) สภาล่างของฝรั่งเศสผ่านร่างกฎหมายอันเป็นที่ถกเถียงนี้ในวาระแรก และรัฐบาลคาดหมายว่าข้อบังคับใหม่ๆ จะสามารถบังคับใช้ได้ในวันที่ 15 มกราคม แม้ว่าสมาชิกวุฒิสภาอาจเตะถ่วงกระบวนการผ่านร่างกฎหมาย
เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยระบุว่า มีผู้เข้าร่วม 105,200 คนในการประท้วงทั่วฝรั่งเศสในวันเสาร์ (8 ม.ค.) ในนั้น 18,000 คนอยู่ในกรุงปารีส เมืองหลวงของประเทศ จุดที่มีรายงานการจับกุมผู้ชุมนุม 10 ราย และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 3 นาย
ส่วนที่อื่นๆ จากข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยพบว่า มีผู้ชุมนุมถูกจับกุม 24 คน และตำรวจได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 7 นาย
ในเมืองตูลง เป็นหนึ่งในจุดที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุด โดยมีประชาชนออกมารวมตัวกันประมาณ 6,000 คน ส่วนที่เมืองมงต์เปลลิเยร์ ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาระหว่างปะทะกับพวกผู้ประท้วง
ฝรั่งเศสรายงานพบเคสผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 303,669 คนเมื่อวันเสาร์ (8 ม.ค.) ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ถาโถมเล่นงานโรงพยาบาลต่างๆ หนักหน่วงยิ่งขึ้น ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันอยู่ที่ 142 ราย
พวกผู้ประท้วงในกรุงปารีสจำนวนมากไม่สวมหน้ากาก ฝ่าอากาศหนาวและฝน ชูป้ายข้อความที่เขียนคำว่า "ไม่เอาบัตรผ่านวัคซีน" ส่วนคนอื่นๆ พุ่งเป้าเล่นงานมาครง ใช้ภาษาแบบเดียวกับที่ประธานาธิบดีพูดโจมตีผู้คนที่ออกมาชุมนุมต่อต้านวัคซีนเมื่อช่วงกลางสัปาดห์
มาครง ระบุในวันศุกร์ (7 ม.ค.) ว่า เขาตระหนักดีเกี่ยวกับความเห็นอันเป็นที่ถกเถียงที่เขาพูดออกมาในวันอังคาร (4 ม.ค.) ซึ่งเขาประกาศจะทำให้คนที่ปฏิเสธฉีดวัคซีนต้อง “ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก” จนกระทั่งพวกเขายอมรับวัคซีน
ภาษาดิบๆ ตรงๆ และท่าทีไม่ประนีประนอมโหมกระพือเสียงโวยวายอึกทึกครึกโครมในบรรดาสื่อมวลชนของฝรั่งเศสและจากนักการเมืองฝ่ายค้าน
(ที่มา : เอเอฟพี)
