ธีโอดอร์ คอนราด “คนมีของ” แห่งคลีฟแลนด์ สหรัฐอเมริกา มีพลังอัจฉริยะระดับไอคิว 135 พลังนี้ได้ขับเคลื่อนให้อยากปล่อยของเพื่อทำให้ผู้คนทึ่งและยอมรับในตัวเขา เขาทำอย่างนั้นด้วยการปล้นแบงก์ครั้งประวัติการณ์ตอนอายุ 20 ปีบริบูรณ์ โดยคดีนี้เป็นคดีปริศนาที่ค้างเติ่งตลอด 52 ปีที่เขากบดานหลบหนีการจับกุม เมื่อเขาจากโลกนี้ไป เขาอาจจะตั้งใจทำให้โลกทึ่งในตัวเขาอีกครั้งหนึ่งด้วยการให้เบาะแสแหล่งกบดาน เพื่อที่มือปราบคู่แค้นจะเข้ามาไขปริศนาคดีได้สำเร็จ พร้อมกับนำพาให้เรื่องราวและภาพถ่ายของเขาได้เป็นข่าวใหญ่ ปิดท้ายชีวิต 71 ปี อย่างเอิกเกริกนั่นเอง
เมื่ออาการมะเร็งปอดของโทมัส แรนเดล ทรุดหนักเข้าขั้นว่าใกล้จะอยู่จะไปแล้ว แคธี ศรีภรรยาผู้แต่งงานอยู่กินกับเขานานเกือบ 4 ทศวรรษ ได้เชิญเพื่อนฝูงของคุณตาโทมัส วัย 71 ปี ให้มากล่าวร่ำลากันโดยทั่วหน้า ไม่ว่าจะเป็นชาวก๊วนกอล์ฟ หรือเพื่อนร่วมงานในธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ ตลอดจนคนรู้จักในแวดวงต่างๆ เอพีรายงานไว้อย่างนั้น
เพื่อนๆ ต่างมาอำลาอาลัยผู้ชายนิสัยดีคนนี้ คนที่พวกเขาบอกว่าเป็นหนึ่งในคนน่ารักน่าคบหาที่สุดที่ได้เคยรู้จักพบเจอ สำหรับพวกเขาแล้ว โทมัส คือพ่อบ้านผู้ทุ่มเทให้กับครอบครัว และรัก แอชลีย์ ลูกสาวคนเดียวอย่างสุดหัวใจ เป็นนักกอล์ฟที่ไม่เล่นตุกติกใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นเพื่อนที่ดีมากกระทั่งว่าในงานศพของเขาเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2021 มีผู้คนต่อแถวยาวเหยียดเพื่อเข้าร่วมไว้อาลัย
ทั้งนี้ ในช่วงที่เพื่อนสนิทมิตรสหายพากันมาร่ำลาโทมัสที่บ้าน มะเร็งซึ่งลุกลามปอดทั้งสองข้างตัดโอกาสที่โทมัสจะได้พูดจาอะไรกับใคร ดังนั้น พวกเขาจึงมาเยี่ยมและกลับบ้านไปโดยไม่ได้ทราบว่าเพื่อนคนดีที่พวกเขาเคยสนทนาสนุกสนานเล่าเรื่องโน้นนี้สู่กันครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ยอมแพร่งพรายความลับขั้นสุดยอดของชีวิตให้ได้ทราบกันเลย นักข่าวเอพีถ่ายทอดบรรยากาศสังคมรอบๆ โทมัส ไว้อย่างละเอียด
ความลับสุดยอด : ผมเป็นอาชญากรหนีคดีอุกฉกรรจ์จากรัฐโอไฮโอ
ตลอด 52 ปีที่ผ่านมา (1969-2021) โทมัส แรนเดล คืออาชญากรหนีคดีอุกฉกรรจ์จากเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ มากบดานอยู่ในย่านชานเมืองของนครบอสตัน เมืองเอกแห่งรัฐแมสซาชูเซตส์ โดยอยู่ในพื้นที่ของเมืองลินน์ฟิลด์ ทางตอนเหนือของนครบอสตัน
โทมัส แรนเดล เป็นหนึ่งในอาชญากรหนีคดีปล้นแบงก์คดีใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของคลีฟแลนด์ ด้วยจำนวนเงินที่สูงถึง 215,000 ดอลลาร์ เทียบเท่ากับประมาณ 1.6 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน โดยสามารถปล้นเงินจำนวนดังกล่าวได้สำเร็จอย่างง่ายดายเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 1969 แล้วตระเวนไปตามรัฐต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกานาน 6 เดือน ก่อนจะหนีมากบดานในย่านแห่งนี้ที่เขาหลงใหลลึกซึ้ง พร้อมกับสร้างชื่อใหม่เพื่อหลบหนีการตามล่าของทางการว่า โทมัส แรนเดล โดยใช้ชื่อนี้แทนที่ชื่อ ธีโอดอร์ คอนราด อันเป็นนามจริงดั้งเดิม
กระทั่ง แคธี ผู้เป็นภรรยา และแอชลีย์ บุตรสาวแสนรักก็ไม่เคยได้ล่วงรู้ความลับดำมืดนี้ จนกระทั่งเมื่อใกล้จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิตแน่นอนแล้ว เขาไม่นำเรื่องนี้ติดตัวไปยังหลุมศพ แต่เลือกที่จะเปิดเผยให้ทั้งสองทราบ ซึ่งนี่อาจเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ภาครัฐระบุว่าเป็นคำสารภาพก่อนตาย หรืออาจจะไม่ใช่อย่างนั้น อาจเป็นอะไรที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนในสไตล์เฉพาะตัว
มรณกรรมของโทมัสอยู่ในเดือนพฤษภาคม 2021 ส่วนการไขความลับเรื่องปล้นธนาคารครั้งมโหฬาร กลายเป็นข่าวครึกโครมในเดือนพฤศจิกายน 2021 เมื่อสำนักงานยูไนเต็ด สเตทส์ มาร์แชลส์ เซอร์วิส (United States Marshals Service) แห่งคลีฟแลนด์ โดยปีเตอร์ เอลเลียต ผู้ดำรงตำแหน่งยูเอสมาร์แชลส์ ออกแถลงข่าวความสำเร็จในการไขคดีปล้นแบงก์ครั้งประวัติการณ์ของเมือง เมื่อศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2021
ทั้งนี้ ยูเอสมาร์แชลส์แห่งคลีฟแลนด์แจ้งสาธารณชนว่าได้ขับรถไปนครบอสตัน ไปติดตามร่องรอยของอาชญากรที่เมืองลินน์ฟิลด์ทางเหนือของย่านชานกรุงบอสตัน และพบหลักฐานสำคัญที่ทำให้ปะติดปะต่อไปถึงตัว ธีโอดอร์ คอนราด อาชญากรหนีคดีไปกบดานใช้ชีวิตอยู่ในถิ่นนั้นนานกว่า 5 ทศวรรษ
ปล้นแบงก์สำเร็จ แล้วหลบหนีการไล่ล่าของ ‘ยูเอสมาร์แชลส์’ แบบดรามาสุดๆ
ธีโอดอร์ คอนราด หรือที่ใครๆ เรียกว่า เท็ด คอนราด เข้าเป็นพนักงานของธนาคารโซไซตี เนชันแนล แบงก์ในคลีฟแลนด์ ซึ่งเป็นธนาคารระดับภูมิภาค ตั้งสำนักงานใหญ่ในคลีฟแลนด์ (Society National Bank - มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในปี 1994 โดยถูกผนวกรวมเข้ากับเครือธุรกิจคีย์คอร์ป -KeyCorp และถูกเปลี่ยนชื่อเป็นธนาคารคีย์แบงก์-KeyBank) เท็ดเริ่มทำงานในเดือนมกราคม 1969 และสามารถมองออกได้อย่างรวดเร็วว่าระบบรักษาความปลอดภัยของธนาคารค่อนข้างจะหลวม ทั้งนี้ จากถ้อยคำของ รัสเซลล์ เมตคาล์ฟ เกลอสนิทของเท็ดตั้งแต่สมัยที่เรียนไฮสกูล เท็ดบอกเพื่อนๆ ว่าถ้าจะปล้นเงินจากธนาคารนี้ก็นับว่าง่ายทีเดียว
ในวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 1969 หนึ่งวันหลังวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 20 ปี เท็ด คอนราด เข้าทำงานโดยไม่มีหัวหน้าแผนกอยู่ด้วยเนื่องจากป่วยไข้ แล้วเท็ดก็เดินออกจากธนาคารในช่วงเย็นพร้อมสถานภาพใหม่ คือ การเป็นโจรปล้นแบงก์ เพราะเขากลับบ้านพร้อมกับเงินสด 215,000 ดอลลาร์ ที่อยู่ในถุงกระดาษ โดยซุกไว้ในกล่องบุหรี่กับกล่องเหล้า รายงานของหน่วยงานยูเอสมาร์แชลส์ระบุว่า เงินจำนวนนั้นประกอบด้วย ธนบัตร 3 ขนาดตั้งแต่ฉบับละ 100 ฉบับละ 50 และฉบับละ 20 รวมทั้งสิ้น 2,950 ฉบับ
กว่าที่ธนาคารจะไหวตัวว่าถูกปล้นไปเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นวันจันทร์ หลังจากพบว่าจำนวนเงินที่นำส่งแบงก์สาขาต่างๆ เมื่อวันศุกร์นั้น น้อยกว่ายอดที่แจ้งในเอกสาร ในเวลาเดียวกัน เท็ด คอนราด ที่พวกเขารู้จักในนามของโทมัส แรนเดล ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ธนาคารเข้าแจ้งความ และเรื่องถูกส่งไปยังเอฟบีไอกับยูเอสมาร์แชลส์ (สำนักงานของรัฐบาลกลาง ทำหน้าที่ตามจับอาชญากรหลบหนีคดี) แต่ในเวลานั้นไม่มีใครสามารถตามไปจับกุมเท็ดได้ เพราะเขาขึ้นเครื่องบินแว่บไปยังรัฐอื่นเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่คืนวันศุกร์นั้นเอง เขาละทิ้งคุณแม่กับพี่สาว ตลอดจนคนรักไว้เบื้องหลัง ในการนี้ เขาเข้าใจผิดคิดว่าจะสามารถกลับไปได้เมื่อคดีหมดอายุความ เพราะการณ์ปรากฏว่าในตอนที่เขาถูกตั้งข้อหานั้นได้มีการแก้ระเบียบกฎหมายเรื่องนี้
หนึ่งในสิ่งที่เท็ดกระทำเพื่อหลบหนีคดีและพ้นคุกได้อย่างสมบูรณ์ คือ ตัดการติดต่อกับครอบครัว ตามคำบอกเล่าของแมตต์ โบเอทเกอร์ หลานน้าของเท็ด เท็ดหายเงียบไปจากทุกคนนานแสนนาน หลายฝ่ายพากันคาดเดาว่าเขาอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว
คดีปล้นแบงก์ครั้งประวัติการณ์ของเมืองคลีฟแลนด์ เป็นข่าวใหญ่ที่มีการรายงานไปในทุกรัฐทั่วสหรัฐฯ แต่ประเด็นข่าวนี้ถูกกลบกระแสด้วยข่าวการเตรียมส่งยานอวกาศอพอลโล 11 ไปดวงจันทร์ ซึ่งมีกำหนดปล่อยยานกันในวันที่ 16 กรกฎาคม 1969
กระนั้นก็ตาม สำหรับจอห์น เอลเลียต เจ้าของตำแหน่งรองยูเอสมาร์แชลส์แห่งคลีฟแลนด์ และเป็นบิดาของปีเตอร์ เอลเลียต คดีนี้เป็นอะไรที่จอห์นแน่วแน่ว่าจะตามจับเท็ดให้จงได้ ด้วยหนึ่งสาเหตุสำคัญ คือ ทั้งสองอยู่ในถิ่นในละแวกชุมชนเดียวกันซึ่งทำให้จอห์นเห็นภูมิหลังของเท็ดเป็นอย่างดี และจึงมั่นใจว่าจะสามารถเอาตัวอาชญากรเท็ดมาดำเนินคดีได้แน่นอน
ปัญหาอุปสรรคในการไล่ล่า ‘เท็ด คอนราด’
1.เท็ดไม่เคยถูกเก็บลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐาน อันเป็นหนึ่งในมาตรฐานความปลอดภัย ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐจึงไม่สามารถตามหาร่องรอยของเท็ดได้ตลอด 5 ทศวรรษ ความเป็นมาของเรื่องนี้มีอยู่สองส่วนคือ ในส่วนแรก เท็ดเป็นเด็กหนุ่มอเมริกันที่มีประวัติดีเด่น คุณพ่อซึ่งหย่าร้างจากคุณแม่ของเท็ดแล้วนั้น เคยเป็นนายทหารแห่งกองทัพเรือ และต่อมาก็ไปเป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และในส่วนหลัง คือ เท็ดมีบุคลิกภาพดีเยี่ยมด้วยภาพลักษณ์สะอาดสอ้าน ขยันการงาน ชาญฉลาดด้วยไอคิวสูงถึง 135 และมีความรับผิดชอบสูง
จุดแข็งเหล่านี้ทำให้เท็ดเป็นที่ไว้วางใจขั้นสุด และได้รับมอบให้ปฏิบัติหน้าที่ในคลังเก็บธนบัตรของแบงก์ โดยช่วยกันกับหัวหน้าแผนกทำการนับและจัดธนบัตรลงถุง เพื่อนำส่งธนบัตรเหล่านั้นไปยังธนาคารสาขาต่างๆ ของโซไซตี เนชั่นแนล แบงก์ ทั่วคลีฟแลนด์
2.เมื่อทำการปล้นเงินสำเร็จแล้ว เท็ดรีบเดินหน้าตามแผนการหลบหนีการจับกุมไปล่วงหน้าหลายช่วงตัว พร้อมกันนี้ เท็ดยังเดินตามแผนหลบหนีได้อย่างเคร่งครัด เป๊ะมากกระทั่งว่าไม่มีจุดพลาดให้ถูกจับกุมได้เลย
ทั้งนี้ ในช่วงหลายเดือนแรกแห่งการไล่ล่าตัวเท็ดอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น เห็นได้ชัดว่าเท็ดมีการเล่นเกมหนีอย่างสนุก ตามรายงานของหน่วยงานยูเอสมาร์แชลส์คลีฟแลนด์ ในช่วง 6 เดือนแรกของการหลบหนี เขาเดินทางไปยังรัฐต่างๆ ทั่วประเทศ เช่น วอชิงตัน ดี.ซี. แคลิฟอร์เนีย เทกซัส โอเรกอน และฮาวาย โดยเขาจะปล่อยร่องรอยและเบาะแสให้เอฟบีไอและสำนักงานยูเอสมาร์แชลส์คอยวิ่งไล่ตาม ตั้งแต่การโทรศัพท์จากรัฐเหล่านั้นไปคุยกับเพื่อนสนิทคนโน้นคนนี้ในคลีฟแลนด์ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ระบบหน่วยข่าวกรองมีร่องรอยที่จะตามไล่ล่าตัวได้ ไปจนถึงการส่งจดหมายถึงเพื่อนๆ ซึ่งจะปรากฏตราไปรษณีย์ของเมืองในรัฐต้นทาง
ฝ่ายไล่ล่าทำงานทุ่มเท ทั้งสืบสวนสอบสวนและลุยไปตามจับในทุกเมืองที่มีร่องรอยของ ‘เท็ด คอนราด’
ด้านจอห์น เอลเลียต ผู้เป็นท่านรองยูเอสมาร์แชลส์คลีฟแลนด์ ก็เดินทางไปทุกเมืองทุกรัฐที่มีร่องรอยของเท็ด ด้วยความมุ่งมั่นที่จะจับตัวเท็ดให้ได้ แต่ลงท้ายคือการคว้าน้ำเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า และแม้กระทั่งเมื่อเท็ดไปกบดานเงียบสนิทที่ชานกรุงบอสตัน ท่านรองฯ จอห์นยังคอยเช็กข้อมูลคดีไม่เลิกรา
ในเวลาต่อมา ปีเตอร์ เอลเลียต ผู้เป็นบุตรชาย (อายุ 6 ปีในช่วงที่เกิดเรื่อง) เข้าร่วมในหน่วยงานยูเอสมาร์แชลส์ ทั้งสองช่วยกันดำเนินการหาข้อมูลของเท็ด คอนราด อย่างไม่หยุดยั้ง วันเวลาผ่านไป จอห์นเกษียณอายุในปี 1990 ส่วนปีเตอร์ผงาดสู่ตำแหน่งเบอร์หนึ่งของหน่วยงาน ได้เป็นยูเอสมาร์แชลส์ของคลีฟแลนด์ในปี 2003 ณ อายุเพียง 39 ปี แต่ทั้งจอห์น และปีเตอร์ต่างไม่เคยวางมือจากภารกิจไล่ล่าเท็ด โดยปีเตอร์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า คดีของเท็ดกลายเป็นประเด็นส่วนตัวของตนและคุณพ่อ
สิ่งสำคัญที่จอห์นจัดทำเกี่ยวกับคดีของเท็ด คอนราด คือ การสืบสวนไต่สวนอย่างละเอียด และการจัดระบบเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปีเตอร์ นำมาใช้งานอย่างจริงจังจนสามารถพิสูจน์ได้โทมัส แรนเดล คือเท็ด คอนราด เอกสารหลักๆ เช่น หลักฐานภาพถ่าย ลายเซ็น ข้อมูลประจำตัว เอกสารที่ออกให้โดยหน่วยงานราชการ
ท่านรองฯ จอห์นจากโลกก่อนเท็ดราวปีครึ่ง โดยสิ้นลมหายใจในเดือนมีนาคม 2020 ณ สิริอายุ 83 ปี ด้านปีเตอร์ซึ่งได้ช่วยบิดาทำคดีเท็ดนาน 20 ปี เกิดจะได้เบาะแสแหล่งกบดานของเท็ด ดังนั้น ในช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนพฤศจิกายน 2021 ปีเตอร์เดินทางไปเก็บข้อมูลที่ลินน์ฟิลด์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ด้วยตนเอง
‘ปีเตอร์’ ไม่เผยว่าทราบเบาะแสของ ‘เท็ด’ ที่บอสตันอย่างไร แต่บอกวิธีโยงข้อมูลจนพิสูจน์ความจริงสำเร็จ
เว็บไซต์ข่าวคลีฟแลนด์ดอทคอมระบุในรายงานข่าวว่า ปีเตอร์ เอลเลียต ผู้เป็นยูเอสมาร์แชลส์คลีฟแลนด์ไม่เคยเปิดเผยว่าทราบเบาะแสของเท็ด คอนราด ในเมืองลินน์ฟิลด์ชานกรุงบอสตัน ได้อย่างไร หรือใครเป็นผู้แจ้งให้ได้ทราบ
สิ่งที่ปีเตอร์เปิดเผยต่อสาธารณชนคือเขาเก็บหลักฐานสำคัญจากคำกล่าวไว้อาลัยผู้ตายและข่าวมรณกรรม ตลอดจนข้อมูลบนหลักฐานทางการของรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งรวมถึงรูปถ่ายลายเซ็นบนเอกสารที่ออกให้โดยแมสซาชูเซตส์ ดังนี้
1.ข้อความไว้อาลัยถึง “โทมัส แรนเดล” บนข่าวมรณกรรมที่ลินน์ฟิลด์ (ซึ่งอันที่จริงคือข้อมูลที่ภรรยาและบุตรีของเท็ดเป็นผู้จัดเตรียม) ให้เบาะแสชัดเจนว่า โทมัส แรนเดล คือบุคคลเดียวกับ เท็ด คอนราด ได้แก่ การระบุชื่อบิดา-มารดา รวมทั้งนามสกุลเดิมของมารดา ตามความเป็นจริง โดยเปลี่ยนเฉพาะส่วนของนามสกุลให้เป็น แรนเดล นอกจากนั้น ยังระบุชื่อของภรรยาและบุตรีที่ช่วยให้มือปราบสามารถตามตัวเจอโดยง่าย
2.เอกสารการยื่นเรื่องขอความคุ้มครองจากรัฐเนื่องจากธุรกิจล้มละลาย ซึ่งมีลายเซ็นในชื่อโทมัส แรนเดล ละม้ายกับลายเซ็นเก่าๆ ในชื่อธีโอดอร์ คอนราด พร้อมกับมีภาพถ่ายของโทมัส แรนเดล ที่พอจะเทียบเคียงได้กับภาพถ่ายเก่าๆ ของธีโอดอร์ คอนราด
เมื่อยูเอสมาร์แชลส์ปีเตอร์ เอลเลียต ตามไปไต่สวนแคธีและแอชลีย์ ทั้งสองยอมรับว่าในช่วงท้ายๆ ของชีวิตอันป่วยหนัก โทมัสของพวกเธอได้เล่าเรื่องนี้ให้ทราบ
ดังนั้น เมื่อมีภรรยาและบุตรีเป็นพยานยืนยันว่านายโทมัส แรนเดล คืออาชญากรธีโอดอร์ คอนราด คดีปริศนาที่ค้างเติ่ง 52 ปี จึงปิดแฟ้มลงได้ โดยแคธีและแอชลีย์ไม่ถูกดำเนินคดี
ส่วนเงินของกลางถูกระบุในรายงานของยูเอสมาร์แชลส์แห่งคลีฟแลนด์ว่า เสียหายหมดสิ้นไปในการลงทุนธุรกิจผิดพลาดของเท็ด คอนราด ซึ่งจบลงด้วยการล้มละลายในปี 2014
“อยากเลียนแบบโทมัส คราวน์” หนังดังของสตีฟ แมคควีน เป็นทฤษฎีอธิบายแรงจูงใจของ ‘เท็ด คอนราด’
“ไม่ใช่เรื่องเงินแน่ครับ เท็ดมักที่จะต้องการให้คนทึ่งในตัวเขา” รัสเซลล์ เมตคาล์ฟ เพื่อนสนิทของเท็ดในสมัยนักเรียนให้ความเห็นอย่างนั้นต่อเรื่องแรงจูงใจที่ผลักดันให้ เท็ด คอนราด ทำการปล้นแบงก์ครั้งใหญ่อย่างเงียบกริบราบรื่นและลอยนวลไปได้ชิลชิล ในวัยเพียง 20 ปี เอพีรายงาน
ฝ่ายสืบสวนสอบสวนต่างลงความเห็นว่าเท็ดได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์สุดยอดฮอตฮิตแห่งปี 1968 เรื่อง The Thomas Crown Affair อันมีตัวเอกเป็นมหาเศรษฐีเงินล้านที่ดำเนินการปล้นเงิน 2.6 ล้านดอลลาร์ จากธนาคารแห่งหนึ่งในบอสตันได้สำเร็จอย่างแยบยล ไม่เหลือร่องรอยให้ถูกจับได้ โดยโทมัส คราวน์ไม่ได้มีแรงจูงใจอยู่ที่เงิน หากมุ่งจะเล่นเป็นเกมพิสูจน์ความสามารถเหนือชั้นของตน
ข้อมูลจากการสืบของยูเอสมาร์แชลส์พบว่า เท็ดคลั่งไคล้ภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงกับดูซ้ำ 6-7 รอบ ตลอดจนใช้ชีวิตเลียนแบบโทมัส คราวน์อยู่พักใหญ่ก่อนจะเพลาลง และในปีต่อมาก็ไปสมัครเข้าทำงานที่โซไซตี เนชันแนล แบงก์
เมื่อเท็ดยุติเกมล่อให้ฝ่ายปราบปรามไล่ตามจับเขาไปตามรัฐต่างๆ เขาเริ่มลงหลักปักฐานดำเนินชีวิตอาชญากรหนีคดีหนีคุกแบบเงียบเชียบ เป็นพลเมืองดีอย่างยิ่งยวด เป็นสมาชิกชุมชนที่โอบอ้อมอารี เป็นเจ้าของธุรกิจโชว์รูมรถหรูที่ซื่อสัตย์และดูแลลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังเป็นโปรกอล์ฟที่เก่งกาจและถ่อมตัว
กระนั้นก็ตาม เขาเลือกถิ่นกบดานอยู่ในย่านชานเมืองของนครบอสตัน อันเป็นพื้นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ The Thomas Crown Affair ยิ่งกว่านั้น เมื่อเขาสร้างหลักฐานตัวตนขึ้นมาเพื่อไปขอเลขประกันสังคมที่สำนักงานบอสตัน เขาเลือกชื่อว่า “โทมัส” ให้แก่ตนเอง
(ข้อมูลการสร้างหลักฐานปลอมเพื่อชุบตัวให้เป็นคนใหม่ ไม่ปรากฏในรายงานข่าว แต่โดยทั่วไป ในหลายประเทศ จะใช้บริการของเครือข่ายอาชญากรรมที่นำข้อมูลและประวัติของผู้ตายมาสวมให้แก่ลูกค้า)
ได้เป็นข่าวครึกโครมแต่ไม่ต้องติดคุก หลังมือปราบเกิดจะเห็นเบาะแส และตามไปไขปริศนามาเฉลยให้คนอึ้งทึ่งกันทั่วประเทศ
ตามข้อมูลต่างๆ ในรายงานของยูเอสมาร์แชลส์คลีฟแลนด์ น่าจะมีเพียงแคธีและแอชลีย์ที่สามารถเป็นตัวเชื่อมโยงให้ ปีเตอร์ เอลเลียต ได้เบาะแสของเท็ด คอนราด ในเมืองลินน์ฟิลด์ เพราะมีเพียงสตรีสองท่านนี้เท่านั้นที่ทราบความลับดำมืดของเท็ด
ไม่ว่ายูเอสมาร์แชลส์ปีเตอร์จะค้นพบแหล่งกบดานของเท็ดผู้ล่วงลับ ด้วยวิธีใดก็ตาม มันเป็นการดีที่เขาสามารถไขปริศนาคดีอุกฉกรรจ์อันนี้ และปิดแฟ้มลงได้สมความตั้งใจ
พร้อมกันนี้ เนื่องจากคดีปล้นแบงก์โซไซตีฯ ปี 1969 เป็นหนึ่งในคดีคลาสสิกโดยมีรายการโทรทัศน์แนวเรียวลิตีด้านสืบสวนสอบสวนคดีอาชญากรรมสองเจ้าดัง คือ America’s Most Wanted กับ Unsolved Mysteries นำไปผลิตขึ้นฉายทั่วประเทศ ผู้คนมากมายจึงยังจดจำเรื่องของจอมโจรหนุ่มธีโอดอร์ คอนราด ได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น เมื่อมีการแถลงข่าวการไขปริศนาคดีเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2021 เรื่องราวของเท็ด คอนราด และโทมัส แรนเดล จึงถูกสารพัดสื่อมวลชนนำเสนอเป็นข่าวครึกโครมที่ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะ “ทึ่ง” ในชีวิตของชายอัจฉริยะไอคิว 135 ผู้นี้ โดยมีการเล่าถึงเกร็ดชีวิตของเขาในหลายแง่มุม เช่น ในวัยหนุ่มของเท็ด พายุทอร์นาโดลุยผ่านย่านเลกวู้ดอันเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของเท็ดและเพื่อนวัยเรียน โดยถล่มสวนสาธารณะเลกวู้ดปาร์กซึ่งพี่ๆ น้องๆ ของเพื่อนสนิทคือ รัสเซลล์ เมตคาล์ฟ ติดค้างอยู่ในปาร์ก เท็ดขับรถเข้าไปช่วยเหลือพาครอบครัวของรัสเซลล์ออกมาได้
แม้แต่ในรายงานของปีเตอร์ เอลเลียต ยังระบุว่า ชาวเมืองจำนวนไม่น้อย มองโจรปล้นธนาคารอย่างเท็ด คอนราดเป็นโรบินฮู้ดที่ช่วยเหลือคนยากจนคนเดือดร้อน คลีฟแลนด์ดอทคอมรายงานอย่างนั้น
ส่วนนักจิตวิทยาตั้งข้อสังเกตว่า ความสุขใจของอัจฉริยะอย่างเท็ด คอนราด ขึ้นอยู่กับการได้รับความชื่นชมและยอมรับจากสาธารณชน ดังนั้น การที่ใครบางคนนำพาให้ยูเอสมาร์แชลส์ปีเตอร์ ค้นพบเท็ด และทำให้สื่อมวลชนอเมริกันระดับเจ้าพ่อ ทั้งกลุ่มสำนักข่าวระหว่างประเทศ กลุ่มข่าวโทรทัศน์ และกลุ่มข่าวเว็บไซต์ นำเสนอเรื่องราวของเท็ดสู่สาธารณชนอีกซีรีส์หนึ่ง นั่นน่าจะทำให้ความสุขและความปรารถนาขั้นสูงสุดของเท็ด กลายเป็นจริง
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
ที่มา : เอพี คลีฟแลนด์ดอทคอม วอชิงตันโพสต์ นิวยอร์กไทมส์)