“หมอใหญ่ฟาวซี”ยอมรับอเมริกามีปัญหาขาดแคลนชุดตรวจโควิด แต่ให้สัญญาปีหน้าปัญหานี้จะคลี่คลาย ขณะที่นิวยอร์กเตือนจำนวนผู้ป่วยเด็กในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าตัวนับตั้งแต่ต้นเดือน และครึ่งหนึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มอายุที่ยังไม่อยู่ในเกณฑ์พร้อมฉีดวัคซีน ด้านออสเตรเลียระบุวันจันทร์ (27 ธ.ค.) พบผู้เสียชีวิตจากโอมิครอนคนแรก และเมืองซีอานของจีนล็อกดาวน์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5
นายแพทย์แอนโทนี ฟาวซี ที่ปรึกษาชั้นนำด้านโรคระบาดใหญ่ของสหรัฐฯ กล่าวยอมรับระหว่างให้สัมภาษณ์เครือข่ายทีวีในสหรัฐฯ ออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ (26) ว่า ปัญหาหนึ่งที่อเมริกาเผชิญอยู่ในขณะนี้คือ จะยังไม่มีชุดตรวจโควิดเพียงพอให้แก่ประชาชนทุกคนจนกว่าจะถึงเดือนมกราคม และเสริมว่า รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหาซึ่งน่าจะลุล่วงโดยเร็ว
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร (21) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศมาตรการใหม่ในการต่อสู้กับโควิดซึ่งรวมถึงการแจกชุดตรวจ 500 ล้านชุดให้ประชาชนฟรีในเดือนหน้า
อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวที่ตลอดช่วงหลายสัปดาห์มานี้มุ่งเน้นการเร่งรัดฉีดวัคซีน กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากปัญหาการขาดแคลนชุดตรวจ
ในวันอาทิตย์ ฟาวซีสำทับว่า คณะบริหารกำลังเร่งจัดการสถานการณ์ที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และย้ำว่า ไม่ควรชะล่าใจแม้ข้อมูลการศึกษาบ่งชี้ว่า โอมิครอนทำให้มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์นี้สามารถแพร่ระบาดรวดเร็วมาก
นอกจากทำให้ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลและศูนย์ตรวจแล้ว โอมิครอนยังทำให้สายการบินในอเมริกาต้องยกเลิกบริการราว 8,300 เที่ยวบินระหว่างวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสและเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มีการเดินทางมากที่สุดในรอบปี เนื่องจากนักบินและลูกเรือบางส่วนติดเชื้อหรือต้องกักตัว
นอกจากนั้น ศูนย์เพื่อการป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ยังเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า กำลังเฝ้าสังเกตการณ์เรือสำราญกว่า 60 ลำหลังได้รับรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิดจนถึงเกณฑ์ที่ต้องเข้าตรวจสอบ ขณะที่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า เรือสำราญหลายลำไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าจอดเทียบท่าที่กำหนดเอาไว้ในประเทศแถบแคริบเบียน
วันเดียวกันนั้น กระทรวงสาธารณสุขรัฐนิวยอร์กเตือนแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโควิดเด็กในโรงพยาบาล โดยระบุว่า นับจากสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนนี้จนถึงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยโควิดอายุไม่เกิน 18 ปีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัว และราวครึ่งหนึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มอายุที่ยังไม่อยู่ในเกณฑ์พร้อมฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ ข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในอเมริกาในช่วง 7 วันที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละเกือบ 190,000 คน โดยโอมิครอนเป็นสายพันธุ์หลักในการระบาดขณะนี้
ทางด้านออสเตรเลีย คริสติน เซลวีย์ นักระบาดวิทยาของรัฐนิวเซาท์เวลส์แถลงเมื่อวันจันทร์ (27) ว่า พบผู้เสียชีวิตจากโอมิครอนรายแรกในรัฐและในประเทศ เป็นชายวัย 80 ปีที่มีโรคประจำตัว เขาได้รับเชื้อจากสถานพักฟื้นผู้สูงวัยและเสียชีวิตในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในซิดนีย์
ผู้เสียชีวิตคนนี้เป็น 1 ใน 6 เหยื่อโควิดที่มีการรายงานในวันอาทิตย์ ซึ่งทั้งหมดอยู่ใน 2 รัฐที่มีประชากรมากที่สุดคือนิวเซาท์เวลส์และวิกตอเรีย
โอมิครอนเริ่มระบาดไม่นานนักหลังจากออสเตรเลียยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางส่วนใหญ่ โดยอนุญาตให้พลเมืองออสเตรเลียที่กลับจากต่างประเทศ สามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว และส่งผลให้จำนวนเคสใหม่พุ่งทำสถิติสูงสุดนับจากโควิดเริ่มระบาด โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อที่รายงานเมื่อวันจันทร์อยู่ที่กว่า 9,400 คน ลดลงจากวันก่อนหน้าเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ทางการออสเตรเลียยังคงยืนยันว่า จะไม่ฟื้นมาตรการล็อกดาวน์ แต่อาจนำมาตรการจำกัดบางอย่างกลับมาบังคับใช้
สำหรับที่จีน เมืองซีอาน ซึ่งเกิดการระบาดและมีบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์นับถึงวันจันทร์ก็เป็นวันที่ 5 แล้ว ทางการแถลงว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงของวันอาทิตย์ พบผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นแบบแสดงอาการ 150 คน ลดลงจาก 155 คนในวันก่อนหน้า ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วประเทศในวันอาทิตย์อยู่ที่ 162 คน
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ไม่พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนในซีอาน ซึ่งมีผู้ติดโควิดที่ได้รับการยืนยันรวม 635 คนระหว่างวันที่ 9-26 เดือนนี้
ส่วนผู้ติดเชื้อโอมิครอนทั่วประเทศที่ตรวจพบมีเพียงไม่กี่คน โดยเป็นนักเดินทางต่างชาติและพบทางตอนใต้ของประเทศ
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)