จำนวนอเมริกันชนที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบเข็มแล้วแตะหลัก 200 ล้านคนเมื่อวันพุธ (8 ธ.ค.) ท่ามกลางเคสผู้ติดเชื้อและผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่พุ่งสูงขึ้นในฤดูกาลพักผ่อน ไม่เว้นแม้กระทั่งในนิวอิงแลนด์ หนึ่งในเขตที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดในประเทศ
เคสผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นจากค่าเฉลี่ยเกือบ 95,000 คนต่อวันในวันที่ 22 พฤศจิกายน เป็น 119,000 คนต่อวันในสัปดาห์นี้ และจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 25% จาก 1 เดือนก่อน จำนวนที่เพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมดนี้เป็นผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์เดลตา แม้ตัวกลายพันธ์โอมิครอนถูกพบแล้วในราวๆ 20 รัฐ และแน่นอนว่ามันจะแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายกว่า
จำนวนผู้เสียชีวิตก็ดีดตัวเฉลี่ยแล้วเฉียดๆ 1,600 คนต่อวัน สถานการณ์ที่หวนคืนสู่จุดเดียวกับช่วงเดือนตุลาลม และคาดหมายว่า ยอดผู้เสียชีวิตสะสมของสหรัฐฯ อาจทะลุอีกหลักหมายอันน่าเศร้า 800,000 คนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จากวิกฤตที่เกิดขึ้นมาไม่ถึง 2 ปี
แม้สถานการณ์ไม่เลวร้ายเท่าระลอกการแพร่ระบาดช่วงฤดูกาลพักผ่อนปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนหน้าประชาชนเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 อย่างกว้างขวาง แต่อัตราการฉีดวัคซีนครบเข็มของสหรัฐฯ ที่คิดเป็นสัดส่วน 60% ของจำนวนประชากร ยังไม่เพียงพอที่ป้องกันการแพร่ระบาดตามพื้นที่ล่อแหลมต่างๆ
สภาพอากาศฤดูหนาว การรวมตัวช่วงวันขอบคุณพระเจ้าและการฟื้นตัวอย่างฉับพลันของการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งหมดทั้งมวลนี้เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกล่าสุด เช่นเดียวกับประชาชนเหนื่อยหน่ายที่จะปฏิบัติตามข้อจำกัดต่างๆ ที่กำหนดออกมาเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่
อุปสงค์วัคซีน ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งอนุมัติฉีดเข็มกระตุ้นแก่ประชากรวัยผู้ใหญ่ทุกคน และไฟเขียวฉีดให้เด็กนักเรียนระดับประถมศึกษา กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งท่ามกลางการแพร่ระบาดที่หนักหน่วงขึ้นและการปรากฏตัวของตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งยังไม่ทราบชัดเจนว่ามันมีความอันตรายมากน้อยแค่ไหน
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า ตอนนี้มีประชาชนเกือบ 48 ล้านรายที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ขณะที่ทำเนียบขาวเผยว่าสหรัฐฯ ฉีดวัคซีนไป 12.5 ล้านเข็มเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นตัวเลขรายสัปดาห์สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นในบางรัฐ โดยเฉพาะในเขตนิวอิงแลนด์ ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนระดับสูง เช่นเดียวกันในแถบมิดเวสต์ กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด โรงพยาบาลต่างๆ กำลังแออัดไปด้วยคนไข้และต้องรับมือด้วยการยกเลิกคิวผ่าตัดที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนหรือใช้มาตรการวิกฤตอื่นๆ
แม้เป็นหนึ่งในรัฐที่มีอัตราฉีดวัคซีนสูงที่สุดในประเทศ มีผู้ฉีดวัคซีนครบเข็มคิดเป็น 74% ของประชากร แต่ทางรัฐเวอร์มอนต์ต้องรับมือกับการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในสัปดาห์ที่แล้ว เคสผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มขึ้น 54% และจำนวนคนไข้โควิด-19 ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 18%
ฟิล สกอตต์ ผู้ว่าการรัฐเวอร์มอนต์ ระบุว่าไวรัสกำลังเล่นงานคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน เนื่องจากจนถึงวันอังคาร (7 ธ.ค.) 90% ของคนไข้โควิด-19 ที่อยู่ในห้องไอซียู เป็นบุคคลที่ยังไม่ฉีดวัคซีน พร้อมเรียกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "น่าผิดหวังอย่างยิ่ง"
ในนิวแฮมป์เชียร์ มีคนไข้โควิด-19 มากกว่า 400 คนรักษาตัวในโรงพยาบาลในช่วงต้นสัปดาห์ ทุบสถิติเดิมที่ทำเอาไว้เมื่อช่วงฤดูหนาวปีก่อน
"ทุกๆ วันในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า ดูเหมือนเราจะได้เห็นจำนวนคนไข้โควิด-19 รักษาตัวโรงพยาบาลสูงสุดรอบใหม่ในนิวแฮมป์เชียร์" สตีฟ อาห์เนน ประธานสมาคมโรงพยาบาลนิวแฮมป์เชียร์ระบุ "ด้วยเคสใหม่กว่า 1,000 รายต่อวัน มันไม่มีทางเป็นอื่นๆ นอกจากจำนวนคนไข้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ"
ไม่ต่างจากรัฐเมน ซึ่งกำลังเผชิญกับจำนวนคนไข้โควิด-19 รักษาตัวในโรงพยาบาลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และทางเจเน็ต มิลล์ส ผู้ว่าการรัฐในวันพุธ (8 ธ.ค.) เรียกใช้สมาชิกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้าช่วยบริหารจัดการสถานการณ์
"คนไข้ส่วนใหญ่จำนวนมากในโรงพยาบาลต่างๆ ของเรา เป็นบุคคลที่้ยังไม่ฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไข้อาการฉุกเฉิน" แอนดี มุลเลอร์ ซีอีโอของเมนเฮลท์ เครือข่ายสาธารณสุขใหญ่ที่สุดของรัฐระบุ "มีความจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลของเราในการดูแลคนไข้"
ไลฟ์สแปน ระบบโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดของรัฐโรดไอส์แลนด์ เผยว่าปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ในระดับวิกฤตอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ขณะที่โรงพยาบาลเคนท์เผยว่าใกล้เต็มความจุแล้ว และกำลังพิจารณาเลื่อนการผ่าตัดที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน
นายแพทย์ปารี โกปาลาคริสนาน รักษาการประธานโรงพยาบาลเคนท์ ระบุว่า การพุ่งขึ้นของผู้ติดเชื้อบางทีสืบเนื่องจาก "ผู้คนการ์ดตก" ระหว่างวันหยุดยาว และฤดูกาลไข้หวัดจะทำให้สถานการณ์ยุ่งยากซับซ้อนยิ่งขึ้น
ส่วนที่อื่นๆ ในรัฐอินดีแอนา พบเห็นคนไข้โควิด-19 เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นเท่าตัวในเดือนที่แล้ว และกำลังแตะระดับที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนนับตั้งแต่ช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีที่แล้ว ก่อนหน้าที่วัคซีนจะเข้าถึงอย่างกว้างขวาง
จำนวนคนไข้ในห้องไอซียูในมินนิโซตา แตะระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีมาระหว่างโรคระบาดใหญ่ และตอนนี้มีผู้ป่วยครองเตียงไอซียูแล้วคิดเป็น 98% ของเตียงทั้งหมด
(ที่มา : เอพี)