องค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อวันอังคาร (30 พ.ย.) ระบุว่า่ มาตรการห้ามเดินทางอย่างครอบคลุมนั้้นจะไมช่วยหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์โอมิครอน แต่กลุ่มบุคคลที่อ่อนแอต่อโควิด-19 ในนั้นรวมถึงคนชราอายุ 60 ปีขึ้นไป ควรเลื่อนแผนเดินทางไปยังต่างแดน
ตัวกลายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ที่น่ากังวลที่ทางองค์การอนามัยโลกระบุว่าื้ มีความเสี่ยงสูงมากที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อพุ่งพรวดขึ้นในหมู่นานาประเทศ ได้กระตุ้นให้หลายชาติปิดพรมแดนของตนเอง
"การแบนการเดินทางอย่างครอบคลุมจะไม่ป้องกันการแพร่ระบาดระหว่างประเทศ และมาตรการนี้จะก่อภาระหนักหน่วงต่อชีวิตและวิถีชีวิต" องค์การอนามัยโลกระบุในคำแนะนำด้านการเดินทางเกี่ยวกับโอมิครอน "นอกจากนี้ มันอาจก่อผลกระทบทางลบต่อความพยายามของสาธารณสุขทั่วโลกระหว่างโรคระบาดใหญ่ ด้วยการทำให้ประเทศต่างๆ หมดกำลังใจที่จะรายงานและแบ่งปันข้อมูลโรคระบาดวิทยาและการถอดรหัสพันธุกรรม"
รายงานแรกที่ส่งถึงมือองค์การอนามัยโลกเกิดขึ้นราวๆ 1 สัปดาห์ก่อน หลังการตรวจพบเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอนในภูมิภาคทางใต้ของทวีปแอฟริกาในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน และดูเหมือนว่าในเวลานั้นโอมิครอนได้ปรากฏตัวในหลายประเทศแล้ว
องค์การอนามัยโลกระบุว่า มีรัฐบาลหลายประเทศมากขึ้นที่ใช้มาตรการด้านการเดินทาง ในนั้นรวมถึงแบนนักเดินทางขาเข้าชั่วคราวจากประเทศต่างๆ ที่พบตัวกลายพันธุ์ดังกล่าว ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ (28 พ.ย.) องค์การอนามัยโลกระบุว่ามี 56 ประเทศที่รายงานบังคับใช้มาตรการด้านการเดินทาง โดยมีเป้าหมายเตะถ่วงซื้อเวลาเลี่ยงเคสนำเข้าตัวกลายพันธุ์ใหม่
"คาดหมายว่าโอมิครอนจะถูกพบในมากมายหลายประเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากหลายประเทศยกระดับการเฝ้าระวังและความเคลื่อนไหวถอดรหัสพันธุกรรม" ถ้อยแถลงระบุ "บุคลที่รู้สึกไม่สบายหรือเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 อาการรุนแรงหรือเสียชีวิต ในนั้นรวมถึงบุคคลอายุ 60 ปีขึ้นไปหรือบุคคลที่มีโรคประจำตัว แนะนำว่าควรเลื่อนการเดินทาง"
ทั้งนี้ในเวลาต่อมา สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานข่าวฉบับแก้ไข ระบุว่า ถ้อยแถลงขององค์การอนามัยโลก ได้รวมบุคคลที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังไม่ครบเข็มเป็นบุคคลที่อ่อนแอต่อการติดเชื้อ ในนั้นรวมถึงบุคคลอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งควรละเว้นจากการเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่มีการแพร่ระบาดในชุมชน
"บุคคลที่ฉีดวัคซีนยังไม่ครบเข็มหรือไม่ได้ข้อพิสูจน์ว่าเคยติดเชื้อ SARS-CoV-2 มาแล้ว และกลุ่มที่มีความเสี่งเพิ่มขึ้นต่อการติดเชื้ออาการรุนแรงและเสียชีวิต ในนั้นรวมถึงบุคคลอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือบุคคลที่มีโรคประจำตัว ที่มีความเสี่ยงเพิ่เมที่ติดเชื้อโควิด-19 อาการรุนแรง แนะนำว่าควรเลื่อนการเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่มีการแพร่ระบาดในชุมชน" รายงานข่าวฉบับแก้ไขของเอเอฟพีระบุ โดยอ้างถ้อยแถลงอัปเดตคำแนะนำด้านการเดินทางขององค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับตัวกลายพันธุ์โอมิครอน
หน่วยงานสาธารณสุขของสหประชาชาติแห่งนี้ระบุด้วยว่าเจ้าหน้าที่ของแต่ละประเทศ ทั้งประเทศต้นทาง ประเทศทางผ่านและประเทศปลายทาง ควรใช้มาตรการบรรเทาผลกระทบ ซึ่งอาจช่วยชะลอหรือลดเคสส่งออกและนำเข้าตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ในนั้นรวมถึงคัดกรองผู้โดยสาร ตรวจเชื้อและกักกันโรค
"ทุกมาตรการควรสมสัดสมส่วนกับความเสี่ยง จำกัดเวลาและบังคับใช้ด้วยความเคารพต่อเกียรติ สิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของนักเดินทาง" องค์การอนามัยโลกระบุ และบอกว่า "การเดินทางระหว่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็น ในนั้นรวมถึงภารกิจด้านมนุษยธรรม การส่งกลับถิ่นฐานและขนส่งเสบียงสิ่งของสำคัญๆ ซึ่งควรให้ความสำคัญลำดับต้นๆ เสมอระหว่างวิกฤตโรคระบาดใหญ่"
ก่อนหน้านี้ ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกบอกกับรัฐสมาชิกว่าให้อยู่ในความสงบและใช้มาตรการต่างๆ อย่างมีเหตุผลในการตอบสนองต่อตัวกลายพันธุ์โอมิครอน
นอกจากนี้แล้ว ทรีโดรส เน้นย้ำว่ามันยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าตัวกลายพันธุ์นี้มีความอันตรายมากน้อยแค่ไหน "เรายังคงมีคำถามมากกว่าคำตอบเกี่ยวกับผลกระทบของโอมิครอน ทั้งด้านการแพร่กระจายเชื้อ ความรุนแรงของโรคและประสิทธิภาพการตรวจเชื้อ การรักษาและวัคซีน" เขากล่าว
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกระบุว่า ทางองค์กรของเขาเข้าใจดีที่ประเทศต่างๆ ต้องการปกป้องพลเมืองของตนเองต่อตัวกลายพันธุ์ที่ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ "แต่ผมมีความกังวลพอๆ กันว่าหลายประเทศกำลังใช้มาตรการขวานผ่าซากและครอบคลุมเกินไป ซึ่งไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของหลักฐานหรือประสิทธิภาพของตนเอง ซึ่งรังแต่จะทำให้สถานการณ์ความไม่เท่าเทียมเลวร้ายลง"
(ที่มา : เอเอฟพี)