รอยเตอร์ – ตลาดการเงินทั่วโลกระส่ำ หลังซีอีโอโมเดอร์นาเตือนวัคซีนโควิด-19 ที่มีอยู่ตอนนี้อาจรับมือสายพันธุ์โอมิครอนได้น้อยกว่าเดลตา ขณะที่ออสเตรเลียพบนักเดินทางติดเชื้อเพิ่มเป็น 5 คน แถม 2 คนในจำนวนนี้แวะเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ ด้านฮ่องกงเพิ่มรายชื่อประเทศที่แบนการเดินทาง และอินเดีย-จีนประกาศจัดหาวัคซีนล็อตใหญ่ให้แอฟริกา
ราคาน้ำมันดิบสัญญาซื้อขายล่วงหน้าร่วงลงกว่า 1 ดอลลาร์ในวันอังคาร (30 พ.ย.) ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียวูบลงทำสถิติต่ำสุด เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นของสเตฟาน แบนเซล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) โมเดอร์นา กระตุ้นความกลัวว่า การที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน ต้านทานวัคซีนได้อาจทำให้มีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมากขึ้น และวิกฤตโรคระบาดอาจยืดเยื้อต่อไป
แบนเซลให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ของอังกฤษว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพลดลงในการรับมือโอมิครอน ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับเดลตา แต่ยังไม่รู้ว่า จะลดลงมากแค่ไหนและต้องรอดูข้อมูลก่อน แต่นักวิจัยทุกคนที่ได้คุยด้วยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่าทางไม่ค่อยดีนัก
ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ (29 พ.ย.) องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่า มีความเสี่ยงสูงมากที่โอมิครอนจะทำให้มีการระบาดรุนแรง สร้างความกังวลไปทั่วโลก และหลายประเทศสั่งปิดพรมแดนทันทีแม้เศรษฐกิจเพิ่งเริ่มฟื้นตัวก็ตาม
ข่าวการอุบัติของโอมิครอนทำให้มูลค่าหุ้นทั่วโลกหายไปเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 พ.ย.) แม้ตลาดเริ่มนิ่งลงในสัปดาห์นี้เนื่องจากนักลงทุนยังรอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่นี้
คำแถลงของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่าอเมริกาจะไม่ล็อกดาวน์อีก ช่วยให้ตลาดเบาใจขึ้นอีกแรง ก่อนที่คำสัมภาษณ์ของซีอีโอโมเดอร์นาจะทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกอีกรอบ
ทั้งนี้ ไบเดนเรียกร้องให้ขยายโครงการฉีดวัคซีน ขณะที่ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) เรียกร้องให้ประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปฉีดเข็มกระตุ้น เช่นเดียวกับอังกฤษที่เร่งโปรแกรมฉีดเข็มกระตุ้นเพื่อรับมือโอมิครอน
ความกังวลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ผลักดันให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกเร่งยกระดับการควบคุมพรมแดนเพื่อป้องกันไม่ให้ต้องงัดมาตรการล็อกดาวน์กลับมาบังคับใช้ซึ่งจะฉุดให้เศรษฐกิจยิ่งดำดิ่ง
ทางการฮ่องกงตัดสินใจขยายการแบนนักเดินทางที่ไม่ใช่ผู้พำนักในฮ่องกงจากหลายชาติ ได้แก่ แองโกลา เอธิโอเปีย ไนจีเรีย และแซมเบีย ตั้งแต่วันอังคาร รวมทั้งยังไม่อนุญาตให้นักเดินทางที่ไม่ใช่ผู้พำนักในฮ่องกงที่เคยเดินทางไปออสเตรีย ออสเตรเลีย เบลเยียม แคนาดา สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เยอรมนี อิสราเอล และอิตาลีในช่วง 21 วันที่ผ่านมา เข้าสู่ฮ่องกงนับตั้งแต่วันพฤหัสบดี (2 พ.ย.)
ปัจจุบัน ฮ่องกง ซึ่งยังคงใช้กลยุทธ์โควิดเป็นศูนย์ แบนนักเดินทางที่ไม่ใช่ผู้พำนักในฮ่องกงที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย และซิมบับเวอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียเผยว่า พบนักเดินทางติดเชื้อโอมิครอนเพิ่มเป็น 5 คน ซึ่งทั้งหมดนี้ฉีดวัคซีนแล้วและอยู่ระหว่างการกักตัว เจ้าหน้าที่เสริมว่า ทั้ง 5 คนไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อยมาก นอกจากนี้ออสเตรเลียยังพบนักเดินทางคนที่ 6 ที่มีแนวโน้มสูงมากที่จะติดเชื้อจากตัวกลายพันธุ์นี้ และไม่ได้กักตัว
แคนเบอร์ราประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า จะเลื่อนการเปิดพรมแดนรับนักศึกษาต่างชาติและแรงงานมีทักษะออกไปชั่วคราว ก่อนที่มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ไม่ถึง 36 ชั่วโมง
ทางด้านกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์แถลงว่า นักเดินทาง 2 คนจากโยฮันเนสเบิร์กที่ตรวจพบติดเชื้อโอมิครอนในซิดนีย์แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินชางงี
นับจากได้รับการรายงานครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พ.ย. จากแอฟริกา โอมิครอนระบาดไปยังกว่า 10 ประเทศแล้วในขณะนี้ องค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ใช้แนวทางที่อิงกับความเสี่ยงเพื่อปรับมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การที่หลายประเทศพากันปิดพรมแดนหรือแบนนักเดินทางจากหลายชาติ จุดชนวนความกังวลเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมในการกระจายวัคซีนอีกครั้ง
แอนโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า ชาวแอฟริกาไม่ควรถูกกล่าวโทษจากการขาดแคลนวัคซีน และไม่ควรถูกลงโทษจากการระบุและแบ่งปันข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และสาธารณสุขเกี่ยวกับไวรัสกลายพันธุ์กับทั่วโลก
ขณะเดียวกัน อินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก อนุมัติจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประเทศต่างๆ ในแอฟริกา และยืนยันว่า พร้อมจัดส่งวัคซีนให้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับจีนที่ประกาศบริจาควัคซีน 1,000 ล้านโดสให้แอฟริกา