ราคาน้ำมันดิ่งลงเกือบ 5% ในวันอังคาร (30 พ.ย.) หลังซีอีโอโมเดอร์นาเตือนวัคซีนโควิด-19 ที่มีอยู่ตอนนี้อาจรับมือสายพันธุ์โอมิครอนได้น้อยกว่าเดลตา คำกล่าวนี้นอกจากก่อความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงานแล้ว ยังทำวอลล์สตรีทระส่ำ ขณะที่ทองคำปิดลบพอสมควร
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 3.77 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 2.87 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สเตฟาน แบนเซล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) โมเดอร์นา กระตุ้นความกลัวว่า การที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โอมิครอน ต้านทานวัคซีนได้อาจทำให้มีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมากขึ้น และวิกฤตโรคระบาดอาจยืดเยื้อต่อไป
แบนเซลให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ของอังกฤษว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพลดลงในการรับมือโอมิครอน ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับเดลตา แต่ยังไม่รู้ว่าจะลดลงมากแค่ไหนและต้องรอดูข้อมูลก่อน แต่นักวิจัยทุกคนที่ได้คุยด้วยพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่าทางไม่ค่อยดีนัก
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (30 พ.ย.) ปิดลบแรง หลังเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจพิจารณาเร่งยกเลิกโครงการเข้าซื้อพันธบัตรท่ามกลางความเสี่ยงเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ถาโถมแรงกดดันเข้าใส่วอลล์สตรีทที่กังวลอยู่ก่อนแล้วเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์โอมิครอน
ดาวโจนส์ ลดลง 652.22 จุด (1.86 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,483.72 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 88.27 จุด (1.90 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,567.00 จุด แนสแดค ลดลง 245.14 จุด (1.55 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,537.69 จุด
ระหว่างให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภา พาวเวลบ่งชี้ว่า เขาไม่ได้มองเงินเฟ้อระดับสูงว่าเป็นเพียงแค่ "ชั่วคราว" อีกต่อไป และเฟดจะทบทวนใหญ่เกี่ยวกับกรอบเวลาของการลดระดับโครงการเข้าซื้อพันธบัตรในที่ประชุมครั้งถัดไปในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
นอกจากนี้แล้ว พาวเวลล์ ยังบอกกับคณะกรรมาธิการชุดนี้ด้วยว่า ตัวกลายพันธุ์โอมิครอน อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ความคิดเห็นที่ฉุดวอลล์สตรีทดิ่งลงหนัก
ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร (30 พ.ย.) ปิดลบพอสมควร จากความเห็นของพาวเวลระหว่างให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภา โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 8.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,776.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)